รีเซต

รฟท. อัพเดตแอพฯ “SRT Timetable กำหนดเวลาเดินรถ” พร้อมเปิดฟังก์ชั่นตรวจสอบเวลาเดินรถ-ค่าตั๋วง่ายๆ

รฟท. อัพเดตแอพฯ “SRT Timetable กำหนดเวลาเดินรถ” พร้อมเปิดฟังก์ชั่นตรวจสอบเวลาเดินรถ-ค่าตั๋วง่ายๆ
ข่าวสด
25 มีนาคม 2565 ( 16:29 )
150

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การรถไฟฯ ได้เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการแอพพลิเคชั่น “กำหนดเวลาการเดินรถ” (SRT Timetable) โดยอัพเดตเวอร์ชั่นการใช้งานใหม่ล่าสุด ทั้งในระบบปฏิบัติการแอนดรอย และไอโอเอส ให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่สะดวก และหลากหลายกว่าเดิม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้โดยสารยุคดิจิทัล ที่ต้องการความรวดเร็ว ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ (นิวนอร์มัล) โดยสามารถตรวจสอบเวลาการเดินรถไฟได้ครบทุกขบวน พร้อมกับเช็กค่าตั๋วโดยสารรถไฟแต่ละประเภท ได้ผ่านทาง โมบาย, เดสก์ท็อป และแท็บเล็ต

 

พร้อมทั้งยังได้เพิ่มฟังก์ชั่น ขบวนยอดนิยม เพื่อแสดงขบวนรถไฟที่ประชาชนนิยมใช้บริการ อาทิ ขบวนอุตราวิถี สายเหนือ ที่จะระบุเส้นทาง ระยะเวลาเดินรถ ระยะทาง รายละเอียดของขบวน และอัตราค่าโดยสารแต่ละประเภทไว้อย่างละเอียด รวมถึงยังสามารถใช้สืบค้นข้อมูล เส้นทางที่ต้องการเดินทางได้ง่ายๆ โดยพิมพ์หมายเลขขบวน หรือชื่อสถานี หรือสถานีต้นทาง-ปลายทาง ซึ่งระบบจะแสดงสถานะให้ทราบโดยทันที

 

นอกจากนี้ สามารถเลือกค้นหาตู้โดยสาร และออปชั่นสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมได้ เช่น เลือกจากตู้นอน ตู้สัมภาระ และกดค้นหา ระบบก็จะปรากฏเส้นทางและออปชั่นสิ่งอำนวยความสะดวกที่เลือกไว้ หรือจะเลือกค้นหาตามสถานีต้นทาง-ปลายทางก็ได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีฟังก์ชันค้นหาสถานีที่อยู่ใกล้เพื่อให้ใช้บริการ ตลอดจนค้นหาหมายเลขขบวนที่จองไว้ เพื่อเช็คเวลาเดินทางได้อีกด้วย

 

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า ที่สำคัญในแอพพลิเคชั่น SRT Timetable เวอร์ชันใหม่นี้ ยังเพิ่มฟังก์ชั่น ท่องเที่ยวทางรถไฟ ที่จะระบุข้อมูลเส้นทางท่องเที่ยว และขบวนรถพิเศษสำหรับการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ พร้อมรายละเอียดอัตราค่าโดยสาร การเดินรถ และสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละเส้นทางแบบชัดเจน หรือหากต้องการจะจองตั๋วรถไฟ ก็สามารถกดเข้าจองผ่านแอพพลิเคชั่นได้ทันที และยังมีข้อมูลข่าวสารการรถไฟฯ โปรโมชั่น เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ มาเซิร์ฟให้ติดตามได้ตลอดเวลา เพียงสัมผัสด้วยปลายนิ้ว

 

“แอพพลิเคชั่น SRT Timetable เวอร์ชั่นอัพเดตนี้ สามารถรองรับการใช้งานได้ถึง 3 ภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน โดยผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดได้แล้ว ทั้ง Play Store และ App Store ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง