รีเซต

วิกฤตอุทกภัยภาคใต้ “หาดใหญ่” หนักสุดในรอบ 25 ปี คาดฝนจะเริ่มลดหลัง 25 พ.ย.นี้!

วิกฤตอุทกภัยภาคใต้  “หาดใหญ่” หนักสุดในรอบ 25 ปี  คาดฝนจะเริ่มลดหลัง 25 พ.ย.นี้!
TNN ช่อง16
24 พฤศจิกายน 2568 ( 11:00 )

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรน้ำเตือนว่า วิกฤตครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุอุทกภัยที่หนักที่สุดในรอบกว่า 25 ปี หลายจังหวัด ได้แก่ สงขลา สตูล ยะลา และนราธิวาส เผชิญฝนตกหนักต่อเนื่อง ตามคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ระบุว่าจะมีฝนตกยาวไปถึงวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้วกว่า 560,000 ครัวเรือนใน 10 จังหวัด

นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้รุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปี สาเหตุจากปริมาณฝนสะสมจำนวนมาก โดยเฉพาะค่ำคืนที่ผ่านมา ที่เกิดฝนตกหนักสูงถึง 305 มิลลิเมตร ภายในไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ระบบระบายน้ำของเทศบาลไม่สามารถรองรับได้ทัน ระดับน้ำจึงไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว

แม้จะมีการเตรียมพร้อมรับมือไว้ล่วงหน้า แต่การอพยพและช่วยเหลือประชาชนยังเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากรถยนต์จำนวนมากจอดขวางเส้นทางในพื้นที่ที่น้ำท่วมสูง ส่งผลให้รถทหารและเรือท้องแบนเข้าถึงพื้นที่ได้ช้าลง อย่างไรก็ตาม จังหวัดได้ประสานกรมชลประทานและหน่วยทหารในการเร่งสนับสนุนกำลัง พร้อมคาดการณ์ว่าสถานการณ์ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่อาจเริ่มคลี่คลายได้ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ หากไม่มีฝนตกหนักเพิ่มเติม

ในจังหวัดสตูล น้ำท่วมกระจายครอบคลุม 7 อำเภอ โดยอำเภอละงูถูกน้ำหลากเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว หลายชุมชนมีน้ำท่วมสูงจนถึงหลังคาบ้าน บ้านเรือนเสียหายกว่า 2,000 หลังคาเรือน ขณะที่ถนนสายหลักเข้าสู่อำเภอท่าแพและเส้นทางไปจังหวัดตรังถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนพื้นถนนพังทลายเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร ทำให้การช่วยเหลือประชาชนทำได้ยากขึ้น

ส่วนที่จังหวัดยะลา ฝนตกหนักต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 4 ทำให้ระดับน้ำท่วมขยายวงกว้าง เขตเทศบาลเมืองยะลาได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่แม่น้ำสายบุรีเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนหลายหมู่บ้าน โดยมีรายงานว่าบางพื้นที่บ้านถูกน้ำท่วมจนเกือบมิดหลังคา

ด้านนราธิวาส ยังคงมีฝนตกหนักทั่วทั้ง 13 อำเภอ ระดับน้ำในลุ่มน้ำบางนราและคลองตันหยงมัดสูงจนแตะริมตลิ่ง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชนกลุ่มเสี่ยงออกจากพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า สาเหตุหลักของวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ เกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดแรงต่อเนื่องบริเวณอ่าวไทยตอนบน ทำให้หลายจังหวัดได้รับอิทธิพลฝนตกหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ขณะที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมยืนยันว่าเตรียมงบเยียวยาและฟื้นฟูความเสียหายไว้แล้ว โดยมาตรการเร่งด่วนคือการจัดส่งอาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์ช่วยเหลือเข้าสู่พื้นที่น้ำท่วมสูง รวมถึงการเตือนภัยคลื่นลมแรงในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ซึ่งขณะนี้มีคลื่นสูง 2–3 เมตร และอาจสูงกว่าในช่วงเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง

หน่วยงานด้านสภาพอากาศและป้องกันภัยพิบัติยังคงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้ติดตามประกาศอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมความพร้อมอพยพในกรณีสถานการณ์ย่ำแย่ลงอีก โดยย้ำว่าระลอกฝนยังไม่สิ้นสุดจนกว่าจะพ้นวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ตาม อุทกภัยครั้งนี้ถูกจับตาในฐานะวิกฤตน้ำท่วมที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของภาคใต้ และยังคงต้องลุ้นว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงได้ตามที่คาดการณ์หรือไม่ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง