รีเซต

'ลุงป้อม' เดินหน้าปราบค้ามนุษย์ ตั้งเป้าไทยขึ้น เทียร์ 2

'ลุงป้อม' เดินหน้าปราบค้ามนุษย์ ตั้งเป้าไทยขึ้น เทียร์ 2
มติชน
27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 08:00 )
100

จากกรณีการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหา ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามที่พรรคฝ่ายค้านได้ซักถามเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำของรัฐบาล โดย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลงานด้านการบริหารจัดการน้ำของประเทศ สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)แจงข้อมูล ซึ่งได้ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างด้านน้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทรัพยากรน้ำของประเทศเกิดความมั่นคงสูงสุดและประชาชนได้รับประโยชน์ โดยเพิ่มพื้นที่ชลประทานอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันมีพื้นที่ที่พัฒนาเป็นพื้นที่ชลประทานแล้ว 33.92 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 22.7 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมด และมีเป้าหมายที่จะพัฒนาพื้นที่ชลประทานเพิ่มขึ้นอีก 18 ล้านไร่ภายในปี 2580 ตามแผนแม่บทน้ำ 20 ปี โดยตั้งแต่ปี 2561-2564 เพิ่มพื้นที่ชลประทานได้แล้ว 1.17 ล้านไร่

 


 

ขณะเดียวกัน ยังปรับปรุงแหล่งน้ำธรรมชาติ ขยายระบบประปา และวางระบบการป้องกันน้ำท่วมภัยแล้ง ครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศ อาทิ ภาคเหนือ การพัฒนาบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 8 หมื่นไร่ ภาคกลาง คลองระบายน้ำหลาก บางบาล-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 1 ใน 9 แผนงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา และลดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ลุมน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ภาคอีสาน ที่มีโครงการแหล่งน้ำเกิดขึ้นประมาณ 78,000 แห่ง ขยายเขตประปา พัฒนาประปาเมือง/พื้นที่เศรษฐกิจ 199 แห่ง ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 525 ล้าน ลบ.ม. เป็นต้น รวมถึงภาคใต้ เช่น โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ เมื่อแล้วเสร็จจะช่วยบรรเทาน้ำท่วมพื้นที่ในเขตชุมชนและเขตเศรษฐกิจของเมือง เป็นต้น

 

ด้านเลขาสทนช.แจงว่า พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ใช้น้ำประเภทที่ 1 ได้แก่ การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการดำรงชีพ อุปโภคบริโภคในครัวเรือน ทำเกษตรหรือเลี้ยงสัตว์เพื่อยังชีพ รวมถึงอุตสาหกรรมในครัวเรือน การใช้น้ำในปริมาณเล็กน้อย ไม่ต้องขอรับใบอนุญาตการใช้น้ำและไม่ต้องชำระค่าใช้น้ำแต่อย่างใด ดังนั้น จึงไม่มีการเก็บค่าน้ำจากเกษตรกรอย่างแน่นอน

 

ส่วนในประเด็นการต่อต้าน การค้ามนุษย์ผลงานที่ผ่านมาของ “ลุงป้อม” นั้นเป็นที่ประจักษ์โดยสามารถทำให้อันดับการค้ามนุษย์ของไทยหลุดจากเทียร์ 3 ในสมัยรัฐบาลก่อนคสช. ขึ้นมาอยู่ในเทียร์ 2 และดำเนินคดีเอาผิดข้าราชการและนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด และถึงแม้ในปีที่ผ่านมาไทยถูกจัดอันดับให้หล่นไปที่เทียร์ 2 watch list

 

สำหรับนโยบายการปราบปรามจับกุมการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความมุ่งมั่นปราบปรามจับกุม ตามนโยบายของรัฐบาล มียอดสะสางคดีในปี 2564 จำนวน 186 คดี แบ่งเป็นการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี 135 คดี ผลิตหรือเผยแพร่ วัตถุ สื่อลามก 12 คดี แสวงหาประโยชน์ทางเพศรูปแบบอื่น 6 คดี การบังคับใช้แรงงาน 30 คดี ขอทาน 2 คดี และแรงงานบังคับ (ม.6/1) 1 คดี ในปี 2565 จำนวน 20 คดี แบ่งเป็นการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี 16 คดี ผลิตหรือเผยแพร่ วัตถุ สื่อลามก 2 คดี และการบังคับใช้แรงงาน 2 คดี

 

การสร้างศูนย์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษนย์ ล้วนแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาล ในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ดูการข้อเท็จจริง ทั้ง 2 กรณีการตอบคำถาม ในการอภิปราย ถือว่าผ่าน “ลุงป้อม” ถูกถามอะไรตอบได้ แถมยังสำทับ ผู้ออกมาเปิดข้อมูลถ้ามีหลักฐานในนำมาแสดงให้เห็น พร้อมกับยืนยันว่า ตนเองไม่เคยเกี่ยวข้อง

 

ยืนยันหนักแน่นแถมมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แบบนี้ น่าเห็นใจ คนทำงานอย่าง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำงานจนแทบไม่มีเวลาดูแลตัวเอง เกือบป่วย ต้องขอเอาใจช่วยให้ “ลุงป้อม”สู้ๆ อยู่เป็นเสาหลักให้บ้านเมืองไปนานๆนะท่าน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง