รีเซต

โควิด-19 : ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา มีความเสี่ยงป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลมากขึ้น 2 เท่า

โควิด-19 : ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา มีความเสี่ยงป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลมากขึ้น 2 เท่า
ข่าวสด
28 สิงหาคม 2564 ( 22:50 )
27
โควิด-19 : ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา มีความเสี่ยงป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลมากขึ้น 2 เท่า

 

ผลการศึกษาครั้งใหญ่จากอังกฤษพบหลักฐานบ่งชี้ว่า ผู้ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา มีแนวโน้มที่จะล้มป่วยหนักถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อัลฟา

 

 

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet ชิ้นนี้เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญที่ผู้คนควรได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิดให้ครบถ้วน เพื่อลดความเสี่ยงนี้

 

 

การฉีดวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะล้มป่วยหนักไม่ว่าจะติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใด โดยปัจจุบันเชื้อสายพันธุ์เดลตา ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในอินเดียได้กลายเป็นเชื้อหลักที่แพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร แทนที่สายพันธุ์อัลฟา ซึ่งตรวจพบครั้งแรกที่นี่

 

 

Getty Images

 

งานวิจัยชิ้นนี้นำโดยสำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England หรือ PHE) และสภาวิจัยทางการแพทย์ (Medical Research Council) ของสหราชอาณาจักร ที่วิเคราะห์ข้อมูลของผู้ป่วยโควิดจำนวน 43,338 คน ระหว่างเดือน มี.ค. - พ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ทั้งสายพันธุ์อัลฟาและเดลตากำลังแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร

 

 

ผลการศึกษาพบว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และเมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบปัจจัยด้านต่าง ๆ เช่น อายุ เพศ และเชื้อชาติ ก็พบว่า ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตามีแนวโน้มสูงเป็น 2 เท่าที่จะล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อัลฟา

 

 

ผลการค้นพบครั้งนี้ยังสอดคล้องกับข้อมูลการศึกษาล่าสุดจากสกอตแลนด์ที่ทำการเปรียบเทียบความเสี่ยงของสายพันธุ์อัลฟาและสายพันธุ์เดลตา

 

 

Reuters
อังกฤษเริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิดให้คนอายุ 16 และ 17 ปีเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ และกำลังพิจารณาฉีดให้เยาวชนอายุ 12 - 15 ปีเร็ว ๆ นี้

 

 

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC) ระบุว่าเชื้อเดลตาดูเหมือนจะติดต่อได้ง่ายขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ที่อุบัติขึ้นก่อนหน้านี้

 

 

CDC ระบุว่า "ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วรวมอยู่ด้วยนั้น....สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้"

 

 

อย่างไรก็ตาม CDC ชี้ว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนดูเหมือนจะแพร่เชื้อได้ในระยะเวลาที่สั้นกว่าผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน ด้วยเหตุนี้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน จึงเรียกร้องให้ประชาชนฉีดวัคซีน โดยระบุว่า มันเป็น "วิธีดีที่สุดที่จะปกป้องพวกเราจากเชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่ ๆ"

 

 

ผลการวิเคราะห์ล่าสุดของ PHE บ่งชี้ว่า การได้รับวัคซีนต้านโควิดครบโดสมีประสิทธิผลในการป้องกันการป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ดังนี้

 

  • 96% สำหรับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และไบออนเทค
  • 92% สำหรับวัคซีนของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดและบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า

 

 

ส่วนงานวิจัยอีกชิ้นในสหราชอาณาจักบ่งชี้ว่า แม้ภูมิต้านทานที่ได้จากการฉีดวัคซีนต้านโควิด 2 โดสจะเริ่มลดลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่วัคซีนก็ยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตจากสายพันธุ์เดลตา

 

 

ปัจจุบัน มีคนอายุ 16 ปีขึ้นไปในสหราชอาณาจักรได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิดเข็มแรกแล้วกว่า 47.9 ล้านคน หรือมีสัดส่วนราว 88% ของประชากรกลุ่มนี้ทั้งหมด ขณะที่ผู้ได้รับวัคซีนครบแล้วอยู่ที่ 42 ล้านคน หรือราว 78%

.............

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง