รีเซต

เส้นทางศิลปาชีพ บางไทร มรดกแห่งพระพันปีหลวง

เส้นทางศิลปาชีพ บางไทร มรดกแห่งพระพันปีหลวง
TNN ช่อง16
25 ตุลาคม 2568 ( 10:07 )
17

 

เส้นทางศิลปาชีพ การทรงสร้างงาน และสร้างความยั่งยืนแก่ชุมชนไทย

วันที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 ประเทศไทยทั้งชาติอยู่ในความโศกเศร้า เมื่อสำนักพระราชวังประกาศว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา
พระองค์ทรงเป็น “แม่ของแผ่นดิน” ผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตา และทรงอุทิศพระวรกายเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกหมู่เหล่า หนึ่งในพระราชกรณียกิจอันสำคัญ คือ “ศิลปาชีพ” โครงการที่ทรงริเริ่มเพื่อเปลี่ยนภูมิปัญญาท้องถิ่นให้กลายเป็นอาชีพ สร้างรายได้และศักดิ์ศรีให้ชาวไทย

กำเนิดแห่งศูนย์ศิลปาชีพบางไทร

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ก่อตั้งขึ้นจากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระพันปีหลวง ผ่านมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เมื่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้มีอาชีพเสริมในช่วงว่างเว้นจากฤดูเพาะปลูก

พระองค์ทรงเล็งเห็นว่าคนไทยทุกคนล้วนมี “สายเลือดของช่างฝีมือ” และหากได้รับการฝึกฝนอย่างจริงจัง จะสามารถสร้างสรรค์งานศิลป์อันทรงคุณค่าได้ พระราชดำรัสเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2532 ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา ยืนยันพระปณิธานนั้นอย่างชัดเจน

“ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอมาว่า คนไทยมีสายเลือดของช่างฝีมืออยู่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ ชาวนา หรืออาชีพใด อยู่สารทิศใด คนไทยมีความละเอียดอ่อนและฉับไวต่อการรับศิลปะทุกชนิด ขอเพียงแต่ให้เขาได้มีโอกาสฝึกฝน เขาก็จะแสดงความสามารถออกมาให้เห็น”


ศูนย์แห่งการเรียนรู้และสร้างอาชีพ

ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดำเนินการโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)


ศูนย์แห่งนี้เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ด้านหัตถศิลป์ไทยอย่างครบวงจร ทั้งการทอผ้า การปักผ้า การทำเครื่องหนัง การประดิษฐ์หัวโขน และงานเครื่องเรือน ภายใต้คำขวัญ

“หัตถกรรมสืบสาน สรรสร้างอาชีพเสริม เพิ่มพูนรายได้ สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน”

การพัฒนาสู่ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โอนคืนพื้นที่และภารกิจของศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ให้แก่ ส.ป.ก. เพื่อสานต่อพระราชปณิธานของสมเด็จพระพันปีหลวง และจัดตั้งเป็น “ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร” โดยสังกัดสำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี

ในปี 2567 ศูนย์ได้กลับมาเปิดให้เยี่ยมชมอีกครั้งในรูปแบบคณะ เพื่อส่งต่อความรู้ด้านศิลปาชีพแก่หน่วยงานและสถาบันการศึกษา พร้อมเปิดหลักสูตรฝึกอบรม 12 แผนก 5 สาขาวิชา ครอบคลุมงานศิลปกรรม ศิลปหัตถกรรม คหกรรม อุตสาหกรรมศิลป์ และช่างอุตสาหกรรม


ศูนย์แห่งการฝึกฝน–สร้างคน–สร้างชุมชน

หลักสูตรของศูนย์แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่

  1. ฝึกอบรมเพื่อวิสาหกิจชุมชน – สำหรับสมาชิกในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้มีมูลค่าสูงขึ้น

  2. ฝึกอบรมสำหรับบุคคลทั่วไป – โดยเฉพาะบุตรหลานเกษตรกร เรียนฟรีตลอดหลักสูตร รุ่นละ 6 เดือน ปีละ 2 รุ่น

ในศูนย์ยังมีอาคารแสดงผลงานสำคัญ เช่น ศาลาพระมิ่งขวัญ หมู่บ้านศิลปาชีพ 4 ภาค และหอประชุมหม่อมราชวงศ์หญิงรสลิน คัคณางค์ ซึ่งเป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานนักเรียนศิลปาชีพ และนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย


กว่า 40 ปีของการดำเนินงาน ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ได้สร้างช่างฝีมือจำนวนมากทั่วประเทศ หลายคนกลายเป็นผู้ประกอบการและครูช่าง ถ่ายทอดความรู้สู่คนรุ่นใหม่

พระราชดำริด้านศิลปาชีพจึงไม่เพียงสร้างรายได้ แต่ยังสร้างศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในความเป็นไทย นำพาให้ศิลปวัฒนธรรมอยู่คู่สังคมไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง