รีเซต

ศบค.เคาะ 8 ขั้นตอนนำเข้าแรงงานต่างด้าว-เล็งเปิดสนามไก่ชน-วัวชน-แข่งม้า

ศบค.เคาะ 8 ขั้นตอนนำเข้าแรงงานต่างด้าว-เล็งเปิดสนามไก่ชน-วัวชน-แข่งม้า
มติชน
12 พฤศจิกายน 2564 ( 14:21 )
22

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เปิดเผยภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมยังหารือ กรณีการแข่งขันกีฬาชนไก่ ชนวัว แข่งม้า ซึ่งอาจมีประเด็นแฝงในเรื่องการพนัน ทำให้เกิดการแพร่ระบาด ที่ประชุมรับทราบถึงความเดือดร้อน และไม่อยากให้เกษตรกรหรือผู้ที่เกี่ยวข้องต้องได้รับความเดือดร้อน มอบให้ มท.ร่วมกับ สธ. พิจารณามาตรการควบคุมโรค เพื่อให้สามารถเปิดกิจการกิจกรรมเหล่านี้โดยขอให้พิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย

 

ขณะเดียวกันทาง สธ.ได้รายงานให้ที่ประชุมรับผลการฉีดวัคซีน ช่วงตั้งแต่ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน พบว่ามีผู้ได้รับวัคซีนไปแล้ว 83.3 ล้านราย เป็นเข็ม 1 จำนวน 44.8 ล้ารราย เข็ม 2 จำนวน 35.8 ล้าราย และเข็ม 3 จำนวน 2.7 ล้านราย เป็นชาวต่างชาติ 2.19 ล้านโดส เด็กอายุ 12-18 ปี 4.3 ล้านโดส ส่วนการกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ พบว่า จังหวัดที่ได้รับการฉีดวัคซีนต่ำกว่า 40% 3 จังหวัด คือ นครพนม บึงกาฬและหนองบัวลำภู ฉีดได้ 40%-49% 35 จังหวัด ฉีดได้ 50%-69% 30 จังหวัด และจังหวัดที่ฉีดวัคซีนได้ 70% ขึ้นไปมี 9 จังหวัด คือ ปทุมธานี สมุทรสาคร สงขลา เชียงใหม่ กรุงเทพฯสมุทรปราการ ชลบุรี ภูเก็ต และฉะเชิงเทรา

 

ทั้งนี้ นายกฯ เน้นย้ำว่าการสื่อสารเป็นเรื่องที่สำคัญ ฝากทุกภาคส่วนสร้างความเชื่อมั่น นโยบายของ ศบค. อยากให้ทุกคนได้รับวัคซีน เพราะหากยังมีอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับต่ำ ก็อาจส่วนทางการความต้องการอยากเปิดประเทศ อยากเปิดกิจการ กิจกรรม ขอความร่วมมือในการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ซึ่งในเดือนธันวาคมนี้จะได้รับบริจาควัคซีนเข้ามาอีก 24 ล้านโดส เพราะฉะนั้นวัคซีนมีเพียงพอ โดยตั้งเป้าหมายว่า ภายในพฤศจิยน 2564 ต้องฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ไม่น้อยกว่า 70% และสิ้นปีนี้ต้องฉีดได้ 80% ของประชากร รวมถึงจะมีการฉีดให้ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เพื่อลดอัตราการเจ็บป่วย และให้มั่นใจในการเปิดกิจการ กิจกรรม

 

 

โฆษก ศบค. กล่าวต่อว่า ที่ประชุมรายงานผลการเปิดประเทศ มีคนลงทะเบียนเพื่อเข้ามาประเทศไทยแล้ว 147,503 ราย อนุมัติแล้ว 63% หรือประมาณ 9.2 หมื่นราย ส่วนที่ไม่ได้รับอนุมัติ มีหลายประเด็น ซึ่งได้มีการหารือและหาช่องทางแก้ปัญหา ซึ่งนายกฯรับทราบรายละเอียด และมอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปแก้ไขต่อไป ผลการดำเนินงานการทดสอบระบบเปิดประเทศ มีผู้เดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 34,978 มีผู้ติดเชื้อเพียง 41ราย อัตราการติดเชื้อ 0.35 % คิดเป็นภาพรวมทั้งประเทศ 0.11% ค่าความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก

 

“ประเทศที่เดินทางมาประเทศไทยมากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา เข้ามากว่า 4,200 ราย ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 7 ราย เยอรมันนี เข้ามา 3,890 ราย ติดเชื้อ 3 ราย สหราชอาณาจักร เข้ามา 2,011 ราย ติดเชื้อ 7 ราย ส่วนแผนการเปิดประเทศเดือนหน้า ที่ขอให้ยกเลิกการตรวจ RT PCR เหลือเพียงการตรวจ ATK นั้น อยู่ระหว่างหารือเพื่อความเหมาะสม ที่ประชุมอนุมัติหลักการการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน ซึ่งจะต้องดำเนินการใน 8 ขั้นตอน รวมถึงต้องมีการตรวจ 6 โรค และตรวจหาเชื้อโควิด-19 รวมถึงต้องได้รับวัคซีนตามที่กำหนด ดังนั้นทั้งนี้ผู้ที่กำลังลักลอบนำแรงานต่างด้าวเข้ามาขอให้หยุด เพราะกำลังจะมีมาตรการเปิดให้แล้ว นอกจากนี้ ศูนย์บูรณาการการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังได้รายงานให้ที่ประชุมรับความคืบหน้า พบว่าการทำงานเป็นไปด้วยดี การติดเชื้อลดลง มีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น แต่เข็ม 2 ยังถือว่าน้อย ดังนั้น ขอให้ประชาชนมารับวัคซีนให้เต็มที่” โฆษก ศบค. กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง