แอปเปิลเตรียมย้ายโรงงานผลิต Apple Watch และ MacBook มาเวียดนาม
เวียดนามเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงอันเนื่องมาจากอุตสาหกรรมหนักและอิเล็กทรอนิกส์ที่โยกย้ายจากจีนและทั่วโลกเข้ามา รวมถึงบริษัท แอปเปิล (Apple) หนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกจึงได้ตัดสินใจให้เหล่าผู้ผลิตชิ้นส่วน (Suppliers) และบริษัทด้านการประกอบของตนทดลองตั้งโรงงานในเวียดนามจากรายงานของสำนักข่าวนิคเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) เมื่อวันอังคารที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา
การระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้รัฐบาลจีนเลือกวิธีการปิดประเทศ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการนำเข้าและส่งออกของผู้ผลิตต่าง ๆ เนื่องจากจีนเป็นแหล่งที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากที่สุดในโลก และส่งผลกระทบโดยตรงต่อการนำเข้าและส่งออกชิ้นส่วนหรือสินค้าไฮเทค เวียดนามจึงได้ส้มหล่นจากสถานการณ์นี้โดยตรง
ในรายงานข่าวที่รวบรวมโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) พบว่าบริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง ลักซ์แชร์ พรีซิชั่น อินดรัสทรี (Luxshare Precision Industry) จากจีน และฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) บริษัทชื่อดังจากไต้หวัน ต่างได้เข้ามาตั้งโรงงานทางเวียดนามตอนเหนือ เพื่อทดสอบกระบวนการผลิตแอปเปิลวอช (Apple Watch) ที่เป็นสมาร์ตวอช (Smartwatch) ของบริษัท รวมถึงทดสอบการผลิตคอมพิวเตอร์พกพาแมคบุ๊ก (MacBook) ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับกระบวนการโยกย้ายฐานการผลิตแมคบุ๊ก (MacBook) มายังเวียดนามนั้นล่ากว่าที่วางแผนไว้อันเนื่องมาจากสถานการณ์โรคระบาดในขณะนี้
โดยทั้ง 3 บริษัทที่ถูกกล่าวถึงในรายงานของรอยเตอร์ส (Reuters) ต่างพากันปฏิเสธการให้ความเห็นกับข่าวนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ได้ออกมาคาดการณ์ว่าปัญหาเรื่องของโรคระบาดและสถานการณ์ขาดแคลนชิป (Chip shortage) นั้นส่งผลต่อกระบวนการผลิตสินค้าของบริษัท และยังรวมถึงผลกระทบด้านต้นทุนและความยากลำบากในการขนส่งที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนอีกด้วย
แอปเปิล (Apple) ไม่ได้ย้ายฐานการผลิตสินค้าของตนเองเป็นครั้งแรกเสียทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้บริษัทได้ย้ายฐานการผลิตไอโฟน (iPhone) สมาร์ตโฟนของค่ายกระจายไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอินเดียที่เป็นตลาดสมาร์ตโฟนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งได้เริ่มผลิตไอโฟน 13 (iPhone 13) ไปแล้วก่อนหน้านี้ และคาดว่าในอนาคตจะเริ่มกระบวนการผลิตแท็บเล็ตอย่างไอแพด (iPad) ในอนาคตต่อไป
ที่มาข้อมูล Reuters
ที่มารูปภาพ Unsplash