รีเซต

“ศบค.” เตรียมชงเปิดสถานประกอบการ 3 กลุ่มเพิ่ม ย้ำ ให้รอความชัดเจน 15 พ.ค.นี้

“ศบค.” เตรียมชงเปิดสถานประกอบการ 3 กลุ่มเพิ่ม ย้ำ ให้รอความชัดเจน 15 พ.ค.นี้
มติชน
11 พฤษภาคม 2563 ( 13:10 )
81
“ศบค.” เตรียมชงเปิดสถานประกอบการ 3 กลุ่มเพิ่ม ย้ำ ให้รอความชัดเจน 15 พ.ค.นี้
 

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงถึงการคลายล็อกเปิดสถานประกอบการบางประเภท ว่า ได้พูดคุยกับทางผู้บริหารของ สมช. และทางรองผบ.ทบ. พบว่าอินโฟรกราฟฟิคที่มีการเผยแพร่ออกไปว่าจะให้สถานประกอบการบางประเภทเปิดนั้น ยังไม่เป็นเรื่องที่มีข้อสรุปชัดเจนจริงๆ ถ้าสุดท้ายจริงๆต้องรอวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งจะมีการประชุม ศบค. แต่อย่างไรก็ตาม ตนได้รับมอบหมายจากท่านว่า งั้นวันนี้ให้ประกาศแบบไม่เป็นทางการไปก่อน เพื่อผู้ประกอบการจะได้เตรียวตัว แต่ยังไม่ 100% ต้องรอวันที่ 15 พฤษภาคม โดยที่เราเคยประกาศไว้มีทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ

 

1.กลุ่มกิจการ กิจกรรมที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งในระยะที่ 2 มี กลุ่ม ก.การจำหน่ายอาหาร หรือเครื่องดื่มในภัตรคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร และร้านอาหาร ร้านครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศกรีมในอาคารสำนักงาน กลุ่ม ข. ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า คอมมูนิติมอลล์ ยกเว้น โรงภาพยนต์ ฟิตเน็ต โบว์ลิ่ง สวนสนุก สวนน้ำ ศูนย์ประชุม ศูนย์พระเครื่อง สนามพระ และพระบูชา กลุ่ม ค. ร้ายค้าปลีก ค้าส่งอื่นๆ กลุ่ม ง. ร้านเสริมสวย (ย้อมผม ดัดผม หรือกิจกรรมอื่นๆภายมในเวลาการบริหารไม่เกิน 2 ชั่วโมง) และร้านทำเล็บ

 

2.กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพ กลุ่ม ก. คลินิคเวชกรรมเสริมความงาม สถานเสริมความงามคุมน้ำหนัก กลุ่ม ข. สนามกีฬา เฉพาะกีฬาประเภทกลางแจ้ง และตามกติกาสากลเล่นเป็นทีม ไม่มีผู้ชม กลุ่ม ค. สวนดอกไม้ สวนพฤษศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ แกลลอรี ห้องสมุดสาธารณะ(เข้าเป็นรายคน) สถานปรกอบการนวดแผนไทย (เฉพาะนวดเท้า)

 

กลุ่มที่ 3 กลุ่มอื่นๆ เช่น การประชุม ณ สถานที่ภายใน หรือภายนอกองค์กร ลักษณะการบรรยายร่วมกับวีดีโอคอนเฟอเรนซ์จำกัดจำนวนคนตามพื้นที่ อีกกลุ่มคือทีมถ่ายทำรายการโทรทัศน์ โฆษณา ถ่ายแบบ ทำคลิบ จำนวนไม่เกิน 5 คน นี่เป็นร่างอยู่ ต้องมีการประชุมกันอีก และอาจมีการเปลี่ยนแปลง เพราะต้องพูดคุยกันหลายฝ่าย มีบางรายการเข้ามาแล้วก็ต้องเอาออก หรืออาจมีบางรายการเอาเข้ามาใหม่ ซึ่งเราจะประเมินเอาที่มีความเสี่ยงต่ำก่อน

 

เมื่อถามว่า ถ้ามีการเปิดห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานที่ต่างๆ จะต้องมีการเก็บข้อมูล วันนี้แอพพลิเคชั่นในการติดตามตัวเพื่อเก็บข้อมูลมีความชัดเจนมากน้อยเพียงใด นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีอยู่ในข้อกำหนดที่จะประกาศอออกมา แต่บางคนก็อาจะจรู้สึกว่าหากมีแอพฯ ติดตามตัวแบบนี้ไม่เอาดีกว่า โทนแบบนี้ก็อยากเรียนว่าไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย หลายคนเข้าร้านอะไรไปแล้วมีการจดชื่อ ขอเบอร์โทร ก็คล้ายๆกันอย่างนั้น หรือเปรียบกับการเช็คอินสถานที่ที่เราไป แอพฯจะทำหน้าที่แบบนั้น

 

ลองเปรียบเทียบกับกรณีเกาหลีใต้ที่มีการเข้าไปในสถานบันเทิง เขาสามารถบอกตัวเลขละเอียดลงไปในจำนวนหลักหน่วยได้เลย คือ 1570 คน ที่ต้องไปติดตาม ที่เกาหลีใต้เขาใช้ระบบไอทีตามคนได้แบบนี้ เราก็ต้องมีระบบคล้ายๆแบบนี้ เพื่อติดตามนำมารักษาตัว และท่านสามารถให้เตติ้งร้านที่ท่านเข้าไปใช้บริการได้ด้วย ซึ่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสังคมนี่เองที่จะทำให้เราผ่านระยะที่ 2 ไประยะที่ 3 และ 4 ไปด้วยกัน

 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า เป็นความอิ่มอก อิ่มใจจากโครงการที่เริ่มโดยคนไม่กี่คน แต่เป็นภาพที่แพร่กระจายกันไปทั่วประเทศ คือ ตู้ปันสุข ตอนนี้เพิ่มขึ้นมา 43 จังหวัด ในหลายๆชื่อที่ต่างกันออกไป นี่คือปรากฎการณ์ที่คนไทยด้วยกันได้แบ่งปันความรัก และให้การแบ่งปันน้ำใจกัน เราอยากเห็นภาพนี้ยั่งยืน และอยู่ตลอดไป ได้เห็นภาพที่ได้เป็นทั้งผู้ให้ และผู้รับ คิดว่า ถ้าเป็นไปได้อาจจะเห็นครบทั้ง 77 จังหวัด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง