รีเซต

พิพัฒน์ ปรับเงื่อนไข 'เราเที่ยวด้วยกัน' แถมแพ็คเกจ 'เที่ยวไทยวัยเก๋า' เป็นของขวัญปีใหม่

พิพัฒน์ ปรับเงื่อนไข 'เราเที่ยวด้วยกัน' แถมแพ็คเกจ 'เที่ยวไทยวัยเก๋า' เป็นของขวัญปีใหม่
มติชน
11 ธันวาคม 2563 ( 16:58 )
75
พิพัฒน์ ปรับเงื่อนไข 'เราเที่ยวด้วยกัน' แถมแพ็คเกจ 'เที่ยวไทยวัยเก๋า' เป็นของขวัญปีใหม่

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ออกโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า เพื่อกระตุ้นให้ผู้สูงอายุออกเดินทางท่องเที่ยวได้มากขึ้น ในรูปแบบที่มีผู้ดูแลตลอดเวลา เนื่องจากเห็นว่า ขณะนี้มีผู้สูงอายุอยู่ในสัดส่วนค่อนข้างสูงของประชากรในประเทศ และคนกลุ่มนี้มีศักยภาพในการใช้จ่าย เนื่องจากมีเงินเก็บตลอดวัยทำงานแล้ว จึงมองว่า หากกระตุ้นให้คนกลุ่มนี้ออกเดินทางได้มากขึ้น จะเกิดการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวมากขึ้น ส่งผลให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ รวมถึงในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการเห็นชอบการปรับเงื่อนไขของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และกำลังใจ

 

เพื่อดึงดูดให้คนอยากเข้าร่วมโครงการมากขึ้น ได้แก่ จากเดิมประชาชนจองที่พักได้ไม่เกิน 10 คืน ต่อ 1 สิทธิ สามารถจองที่พักเพิ่มอีก 5 คืน เป็น 15 คืน ต่อ 1 สิทธิ เพิ่มจำนวนห้องพักสำหรับประชาชนอีก 1 ล้านคืน เป็น 6 ล้านคืน จากเดิม 5 ล้านคืน โดยจำนวนห้องพักที่เพิ่มมาจะสนับสนุนเฉพาะการใช้ผ่านอีวอชเชอร์เท่านั้น คือ วันจันทร์-พฤหัสบดี ได้คูปองใช้จ่าย 900 บาทต่อวัน วันศุกร์-อาทิตย์ 600 บาทต่อวัน ขยายระยะเวลาการใช้สิทธิโครงการถึง เดือนเมษายน 2564 และขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายโครงการ ถึงเดือนมินายน 2564 โดยทั้งหมดที่ออกมานี้ ตั้งใจมอบให้เป็นของขวัญแก่ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่มีแพคเกจส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เฉพาะตัว

 

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เที่ยวไทยวัยเก๋า จะใช้วงเงินงบประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายในวงเงินงบประมาณเดิมภายใต้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยเที่ยวไทยวัยเก๋าใช้รูปแบบการดำเนินงานและแพลตฟอร์มโครงการกำลังใจ โดยมีเงื่อนไขคือ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป เดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัดในวันธรรมดา (วันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี) ผ่านบริษัทนำเที่ยว โดยมีราคาแพคเกจทัวร์เริ่มต้นขั้นต่ำ 12,500 บาท ระยะเวลาการเดินทางท่องเที่ยวอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน โดยผู้เข้าร่วมโครงการต้องแสดงตนเพื่อรับสิทธิผ่านแอพพลิเคชั่นธนาคารกรุงไทย และบริษัทนำเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องจดทะเบียนก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 เพราะต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างแท้จริง ไม่ต้องการให้ผู้ที่อยู่นอกธุรกิจทัวร์นำเที่ยว เข้ามาใช้จังหวะนี้ในการหาประโยชน์ให้ตัวเอง โดยรัฐบาลจะสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยวในกลุ่มผู้สูงอายุ เป้าหมาย 1 ล้านคน จำนวน 5,000 บาท ต่อ 1 ท่าน โดยบริษัทนำเที่ยวสามารถรับนักท่องเที่ยวได้บริษัทละ 3,000 ราย

 

“โครงการหรือแพคเกจกระตุ้นท่องเที่ยวอื่นๆ ยังต้องรอติดตามและประเมินผลของโครงการเดิมที่มีอยู่และเพิ่งออกมาใหม่ก่อน หลังจากนั้นจะพิจารณาผลเชิงบวกที่เกิดกับภาคการท่องเที่ยว ประเมินสถานการณ์ในขณะนั้นๆ ก่อนจะจัดหามาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวออกมาเพิ่มเติม ส่วนงบประมาณที่จะขอมาจัดกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยว ขณะนี้ยังไม่ได้ขอเพิ่ม เพราะงบที่ได้รับการจัดสรรมาแล้วยังใช้กับโครงการที่ออกมาไม่หมด” นายพิพัฒน์ กล่าว

 

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการที่รัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนปรนให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักในประเทศไทย ผ่านวีซ่าประเภทพิเศษ (เอสทีวี) ที่ต้องการมาพำนักระยะยาว (ลองสเตย์) เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มขึ้น ครม.จึงมีมติให้นักท่องเที่ยวเข้าโดยไม่จำกัดประเทศ จากเดิมที่ให้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงขยายระยะเวลาขอรับการตรวจลงตราวีซ่าเอสทีวี ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองให้แก่คนต่างด้าวที่มากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอชต์) ออกไปอีก 30 วัน นับจากวันที่ประกาศฉบับนี้บังคับใช้ มองว่าเป็นเงื่อนไขที่ดีในการดึงต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นและฤดูหนาว ที่ปกติจะมีต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงมองว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ดี แต่ยังย้ำว่า ต่างชาติที่เข้ามาจะต้องกับตัว 14 วันเท่านั้น หากไม่ยินยอมให้กักตัว ก็ไม่สามารถให้เข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้