รีเซต

จับตา ASK ราคาหุ้นตอนนี้ จังหวะดีเข้าซื้อ ?

จับตา ASK ราคาหุ้นตอนนี้ จังหวะดีเข้าซื้อ ?
ทันหุ้น
11 เมษายน 2566 ( 12:15 )

บล.เมยแบงก์ ประเมินหุ้น ASK บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน)  โดยฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ASK ด้วยราคาเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลงที่ 44 บาท 

 

โดยราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ถือเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อ เนื่องจาก 1) คงประมาณการกำไร CAGR 3 ปีของเราที่15% ในปี66-68 โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดสาขาใหม่ และส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น 2) หุ้นมีราคาถูกโดยซื้อขายที่ PER ปี66 ที่ 8.5 เท่า (เทียบกับ ค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 18.5 เท่า) โดยมี PEG เพียง 0.56 เท่า จากส่วนลดนี้ผสานกับราคาหุ้นที่ laggard ดัชนีSET Index ถึง 15% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยมองว่าประเด็นที่ตลาดกังวลเรื่องคุณภาพสินทรัพย์และแนวโน้มกำไรเติบโตชะลอตัวของ ASK น่าจะผ่านพ้นไปแล้ว

 

ทั้งนี้เราคาดว่า NPL จะสูงสุดใน Q1/66 และดีขึ้นใน 2H66 และประเด็นสุดท้าย อัตราเงินปันผลตอบแทนยังคงสูงที่ประมาณ 6-8% ในปี66-68 ขณะที่ ROE ที่เพิ่มขึ้น (เป็น 18% ในปี68 จาก 15.5% ในปี65) น่าจะหนุนให้มีการจ่ายเงินปันผลในอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น

 

ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่พร้อมเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด *

 

โดยคาดการณ์สินเชื่อปี66 จะเติบโต 14% (เทียบกับ +21% ในปี65) เนื่องจาก ASK มีเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวด สำหรับสินเชื่อ SME แม้ว่าจะเห็นสัญญาณความต้องการรถบรรทุกชะลอตัวในปีนี้แต่ ASK คาดว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกจะเติบโตในอัตราเลขสองหลัก เนื่องจากจะเปิดสาขาใหม่ 2 สาขา (จาก 17 สาขาในปัจจุบัน) ในไตรมาส 2-3/66 และเพิ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง (สินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุก ) เพื่อหนุนการเติบโตของสินเชื่อและผลประกอบการ ดังนั้นการเติบโตของสินเชื่อน่าจะค่อยๆ ดีขึ้น QoQ และสูงสุดใน Q4/66 ซึ่งคาดว่า ต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากฝ่ายวิจัยคาดว่า ธปท. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งสุดท้ายเป็น 2.0% ในเดือน พ.ค. 66

 

ทั้งนี้ ASK จะออกหุ้นกู้อายุ 2 ปีมูลค่า2.5 พันล้านบาท (อันดับเครดิต ‘A’) ที่อัตราดอกเบี้ย 2.88% ในเดือน เม.ย.66 เทียบกับสมมติฐาน ต้นทุนทางการเงินของฝ่ายวิจัยที่3.1% ในปี66

 

NPL กำลังแตะจุดสูงสุด และมีแนวโน้มดีขึ้น ใน 2H66 *

 

ด้วยมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงที่ 30bps QoQ เป็น 3.77% ใน Q1/66 (เทียบกับ +61bp QoQ ใน Q4/65)

 

ฝ่ายวิจัยประเมิน ASK ตั้งสำรองอยู่ที่ 335 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15% YoY และ1% QoQ) เนื่องจากมีแนวโน้มกลับการตั้งสำรองพิเศษอีก 100 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 ขณะเดียวกันคุณภาพสินทรัพย์น่าจะผ่านจุดต่ำสุดใน Q1/66 และดีขึ้นใน 2H66 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจราคาน้ำมันดีเซลและอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ทั้งนี้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตรในช่วงวันที่14 มิ.ย. 65 ถึง 14 ก.พ. 66 และค่อยๆ ลดลงเหลือ33 บาทต่อลิตรในขณะนี้ คาดกำไร Q1/66 และ PPoP เติบโต 14-15% YoY 

 

ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรไตรมาส 1/66 เติบโต 14% YoY เป็น 401 ล้านบาท จากการเติบโตของ NII ที่แข็งแกร่งและต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง กำไรมีแนวโน้มลดลง 2% QoQ จาก NIM ที่ลดลง สินเชื่อมีแนวโน้มเติบโต 18% YoY และ 3% QoQ เป็น 70 ล้านบาท เนื่องจาก ASK ขยายสินเชื่อใหม่ 9.2 พันล้านบาท ทรงตัว YoY ใน Q1/66 ขณะเดียวกัน NII มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 16% แม้ว่า NIM จะลดลง (-10bps QoQ) ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ว่า opex จะเพิ่มขึ้น 10% YoY จากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเปิด สาขาใหม่ การย้ายสำนักงานใหญ่ และค่าใช้จ่ายของพนักงานที่สูงขึ้น เนื่องจาก OPEX จะเติบโต ในอัตราที่ช้ากว่าการเติบโตของรายได้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จึงมีแนวโน้มลดลง 80bps YoY เป็น 26.6% ในขณะที่ PPoP น่าจะเติบโต 15% YoY ใน Q1/66

 

ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ASK ด้วยราคาเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลงที่ 44 บาท **

 


 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง