รีเซต

ธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกซบเซา หลังไร้เงานักท่องเที่ยวแดนมังกร เหตุจีนคงแนวทางโควิดเป็นศูนย์

ธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกซบเซา หลังไร้เงานักท่องเที่ยวแดนมังกร เหตุจีนคงแนวทางโควิดเป็นศูนย์
TNN ช่อง16
6 ธันวาคม 2564 ( 12:53 )
89
ธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกซบเซา หลังไร้เงานักท่องเที่ยวแดนมังกร เหตุจีนคงแนวทางโควิดเป็นศูนย์

แม้หลายชาติเปิดพรมแดนต้อนรับนักเดินทางจากต่างชาติ เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่ปรากฏว่า ยังไม่เป็นไปตามคาดหวังนัก เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวสักส่วนใหญ่ เช่น จีน ยังไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้


---หลายประเทศเริ่มเปิดการท่องเที่ยว---


เมืองท่องเที่ยวดัง ๆ ของโลก ต่างพากันเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว เช่น เกาะเจจู ของเกาหลีใต้, กรุงเทพฯ และภูเก็ตของไทย, เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ตลอดจนเมืองชื่อดังอย่างปารีสและโรม แต่ภาพบรรยากาศยังกลับไม่มาคึกคักเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่ หลายชาติเอเชียและยุโรป ต่างคาดหวังว่า การท่องเที่ยวในปีนี้จะกลับมาแล้วก็ตาม


หนังสือพิมพ์ New York Times รายงานว่า ขณะนี้ หลายชาติยังเผชิญความจริงอีกประกาศที่ท้าทาย นั่นก็คือ โควิดกลายพันธุ์ เช่น โอไมครอน ที่กำลังทำให้ทั่วโลกตื่นตระหนก และรัฐบาลหลายชาติ กลับมาใช้มาตรการปิดพรมแดนอีกครั้ง มิหนำซ้ำ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากสุด อย่างนักท่องเที่ยวจีน ก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาในเร็ว ๆ นี้


---ทำไมคนจีนยังไม่เที่ยวนอกประเทศ---


ขณะที่ รัฐบาลจีน ยังคงใช้แนวทางผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ โดยทางการจีนประกาศว่า ในช่วงฤดูหนาวนี้ จะให้มีเที่ยวบินระหว่างประเทศไว้ที่เพียง 2.2% จากระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ด้วยซ้ำ


นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางการจีนระงับการออกหนังสือเดินทางใหม่เกือบทั้งหมด และใช้มาตรการกักตัว 14-21 วัน แล้วแต่พื้นที่ สำหรับผู้ที่เดินทางขาเข้าทุกคน การเดินทางกลับเข้าจีน ยังต้องมีการทำเอกสารมากมายและการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกหลายต่อหลายครั้ง


ปัจจัยทั้งหมดนี้ จึงทำให้ชาวจีนจำนวนมากตัดสินใจที่จะอยู่ในประเทศ


---การท่องเที่ยวโลกฟื้นยาก หากไร้นักท่องเที่ยวจีน---


New York Times รายงานว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาก กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนนั้น สำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกมากที่สุด โดยนักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายราว 2.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 8.4 ล้านล้านบาท ในปี 2019 ก่อนโควิด-19 ระบาด มากสุดเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวชาติอื่น 


การที่นักท่องเที่ยวจีนหายไปจากตลาดท่องเที่ยวนานต่อเนื่อง จึงหมายความว่า รายได้ของอุตสาหกรรมการเดินทางจะยังคงไม่กลับมาแตะเท่าระดับก่อนเกิดการระบาดในเร็ววันนี้ และบรรดานักวิเคราะห์คาดว่า อาจต้องใช้เวลามากถึงสองปี กว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศเต็มตัว


นิฮัต เออร์แคน ที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมโรงแรม ระบุว่า ชาติที่ได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษคือ เอเชียเหนือและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะตลาดจีนเป็นแหล่งรายได้ใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง สำหรับหลายเมืองใหญ่ของเอเชีย


---โอไมครอนซ้ำเติมวิกฤษเศรษฐกิจ---


นอกจากนี้ การพบสายพันธุ์โอไมครอน ยิ่งทำให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการจำกัดการเดินทาง หรือแบนนักเดินทางจากบางประเทศ จึงยิ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว หลังได้รับผลกระทบหนักอยู่แล้วจากการหายไปของนักท่องเที่ยวจีน


ตัวเลขของรัฐบาลเวียดนาม เผยว่า โควิด-19 ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวมากกว่า 95% ต้องปิดตัวหรือระงับกิจการไปก่อน 


ส่วนหลายที่ ที่พึ่งพาทัวร์จีนนั้นเผชิญสถานการณ์ที่หนักเป็นพิเศษ เช่น เกาะเจจู ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวจีนเพราะไม่ต้องขอวีซ่า แต่พอเกิดการระบาดของโรค จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีน ตกลงไปมากกว่า 90% 


โดยมีการเดินทางจากจีนเพียง 103,000 คนในปีที่แล้ว ลดลงมากจากมากกว่าหนึ่งล้านคนในปี 2019 และในปีนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงกันยายน มีการเดินทางจากจีนเพียง 5,000 คนเท่านั้น


โฆษกของสมาคมท่องเที่ยวเจจู ระบุว่า ร้านดิวตี้ฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ต้องปิดตัวลงไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว


---ตั้งเป้าเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจีน---


สำหรับยุโรป แม้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปน้อยกว่าเอเชีย แต่ก็เริ่มมีความสำคัญต่อตลาดท่องเที่ยวยุโรปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา


อัลฟอนซินา รุสโซ่ ผู้อำนวยการของโคลอสเซียม ในกรุงโรม อิตาลี ระบุว่า นักท่องเที่ยวเอเชีย โดยเฉพาะจากจีน คิดเป็นสัดส่วน 40% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนโคลอสเซียมในปี 2019 


ในปีนั้น โคลอสเซียมได้ปรับแผงป้ายและคำแนะนำต่าง  ให้มีภาษาจีน เคียงคู่ไปกับภาษาอังกฤษและอิตาเลียนด้วย และในปีนั้นเอง มีชาวจีนมาเที่ยวอิตาลีมากถึงสองล้านคน


ขณะที่หน่วยงานการท่องเที่ยวอิตาลี เผยสถิติเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในอิตาลี ลดลงมาอยู่ที่ 55% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วยุโรปลดลงไปที่ 48%


ขณะที่ฝรั่งเศส แม้รู้ดีกว่า อาจจะใข้เวลาอีกหลายเดือนหรือหลายปีกว่า ชาวจีนจะกลับมา แต่ Atout France ซึ่งเป็นสถาบันของรัฐที่ดูแลเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวฝรั่งเศส ยังคงพยายามรักษาสายสัมพันธ์กับลูกค้าชาวจีนอยู่ ผ่านแพลตฟอร์ม เช่น Weibo และ Douyin 


โดยจัดกิจกรรมออนไลน์ เช่น สอนทำอาหารฝรั่งเศส และพาทัวร์ปราสาทแบบเสมือนจริง เพื่อให้ฝรั่งเศสอยู่ในใจชาวจีน เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่ ชาวจีนจะได้เลือกให้ฝรั่งเศสเป็นจุดหมายปลายทางแรกนั่นเอง

—————
แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง
ภาพ: Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง