สมอ. เข้มมาตรฐานหน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้กำชับให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เร่งออกมาตรฐานหน้ากากอนามัย รวมทั้งอุปกรณ์ป้องกันอื่นอย่างต่อเนื่อง หากมาตรฐานฉบับใดไม่ทันสมัยก็ให้ทบทวนแก้ไขปรับปรุง เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ผลิตผลิตสินค้าให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน มีความปลอดภัยต่อการนำไปใช้ และลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยให้ครอบคลุมการใช้งานทุกประเภท ทั้งเพื่อป้องกันฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ป้องกันโรคติดต่ออื่น ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ รวมถึงป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปสู่ผู้อื่น โดยเฉพาะโรคโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน หน้ากากอนามัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนที่ต้องใส่เมื่อออกนอกเคหะสถาน ทำให้ปริมาณความต้องการใช้หน้ากากอนามัยเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
นายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ กมอ. ได้มีมติเห็นชอบมาตรฐานหน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว มอก.2424-25xx ที่ สมอ. ได้แก้ไขใหม่ จากมาตรฐานเดิม มอก.2424-2562 เพื่อให้สอดคล้องกับสินค้าที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ที่มีหลากหลายรูปแบบ และหลากหลายประเภท รวมทั้งสอดคล้องกับมาตรฐานต่างประเทศ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคทางการค้าการส่งออกของผู้ประกอบการไทยในอนาคต โดยเร่งรัดให้ สมอ. ดำเนินการประกาศเป็นสินค้าควบคุมในคราวเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ภายในปีนี้ นอกจากนี้ กมอ. ยังได้เห็นชอบมาตรฐานอื่นอีกรวม 49 มาตรฐาน อาทิ มาตรฐานมือจับประตูและราวจับสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ เครื่องชั่งและบรรจุข้าวสาร เครื่องเรียงขวดพลาสติก ดวงโดมไฟฟ้า สายไฟฟ้าสำหรับอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า น้ำตาลทราย และแป้งมันสำปะหลัง
นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า มาตรฐานฉบับเดิม มอก.2424-2562 ครอบคลุมเฉพาะหน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียวที่ใช้ป้องกันอนุภาค เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่ง ได้แก้ไขเป็น มาตรฐานหน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว มอก.2424-25xx โดยมีสาระสำคัญของการแก้ไข เพื่อให้สอดคล้องกับสินค้าที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ที่มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบจีบ แบบถุงหรือแบบปากเป็ด และแบบถ้วย โดยเพิ่มความเข้มข้นรายการทดสอบประสิทธิภาพการหายใจมากขึ้น และมีการแบ่งประเภทและระดับการป้องกันใหม่ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ซึ่งมาตรฐานฉบับเดิม แบ่งระดับการป้องกันออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 ใช้งานทั่วไป ระดับที่ 2 ใช้งานด้านการแพทย์ทั่วไป และระดับที่ 3 ใช้งานทางการแพทย์ในทางศัลยกรรม ไม่มีการแบ่งประเภทการใช้งาน แต่มาตรฐานฉบับใหม่นี้แก้ไขโดยอ้างอิงตามมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา (ASTM F 2100-21) แบ่งประเภทการใช้งานออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทใช้ทั่วไป และประเภทใช้ทางการแพทย์ ซึ่งแบ่งตามระดับการป้องกันเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 ใช้งานทางการแพทย์ทั่วไป ระดับที่ 2 ใช้งานทางการแพทย์ในหน่วยฉุกเฉิน และระดับที่ 3 ใช้งานด้านการแพทย์ในทางศัลยกรรม โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยด้านการแพทย์ในทางศัลยกรรมจะเพิ่มการทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์เนื้อเยื้อเพาะเลี้ยง เนื่องจากเป็นหน้ากากที่แพทย์ต้องใช้ในห้องผ่าตัด จึงจำเป็นต้องปลอดภัยขั้นสูงสุด เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อคนไข้ในห้องผ่าตัดกรณีที่มีชิ้นส่วนหรือขุยของหน้ากากปนเปื้อนออกมา
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐานจาก สมอ. จำนวน 14 ราย ซึ่งเป็นการยื่นขอมาตรฐานด้วยความสมัครใจ แต่เมื่อ สมอ.ประกาศเป็นสินค้าควบคุมแล้ว ผู้ประกอบการทุกรายจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทั้งทำและนำเข้า และจะต้องได้รับอนุญาตจาก สมอ. ก่อนดำเนินการ โดยสินค้าทุกชิ้นจะต้องแสดงเครื่องหมายมาตรฐานบังคับ รวมถึงผู้จำหน่ายจะต้องขายสินค้าที่ได้มาตรฐานเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย ผู้ทำหรือนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จำหน่ายสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และแสดงเครื่องหมายมาตรฐานโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ