นักไวรัสวิทยา เผยวัคซีนเชื้อตายตัวใหม่ VLA2001 ผลทดสอบเฟส 3 ในอังกฤษ พบภูมิสูงกว่า AZ

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กในประเด็นวัคซีนโควิด-19 โดยระบุว่า

“อีกหนึ่งข่าวดีของแฟนๆวัคซีนเชื้อตาย คือ ผลการทดสอบเฟส 3 ของวัคซีนโควิด-19 เชื้อตายตัวแรกที่พัฒนาขึ้นในประเทศฝรั่งเศส-อังกฤษ หลังจากที่เทคโนโลยีนี้นำร่องมาก่อนโดยประเทศจีน (Sinovac, Sinopharm) และ อินเดีย (Covaxin) โดยวัคซีนเชื้อตายตัวใหม่ล่าสุดนี้เป็นของบริษัท Valneva ของประเทศฝรั่งเศส โดยวัคซีนมีชื่อว่า VLA2001

ข้อมูลจากการแถลงของบริษัทผลการทดสอบเฟส 3 (อาสาสมัคร 4000+ คน) ในประเทศอังกฤษ โดยใช้วัคซีน AZ เป็นตัวเปรียบเทียบพบว่า VLA2001 ให้ผลภูมิคุ้มกันในอาสาสมัครที่สูงกว่า กลุ่มที่ได้รับ VLA2001 มีค่าเฉลี่ยของแอนติบอดีชนิด NAb ที่ 803.5 ขณะที่กลุ่มที่ได้รับ AZ มี NAb เฉลี่ยที่ 576.6

และ ที่น่าสนใจคือ VLA2001 สามารถกระตุ้น T cell ได้ดี ซึ่งมักเป็นจุดอ่อนในวัคซีนเชื้อตายทั่วไป อาสาสมัครที่ได้รับ VLA2001 ไม่มีใครป่วยหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลท่ามกลางการระบาดของเดลต้า และ ผลข้างเคียงของวัคซีนจะน้อยกว่าวัคซีนรูปแบบอื่นๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นของไวรัสเชื้อตายอยู่แล้ว

ข้อมูลยังไม่ชัดว่า VLA2001 พัฒนาขึ้นมาจากไวรัสสายพันธุ์ใด ข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้บอกเพียงแต่ว่าเป็น “SARS-CoV-2 with high S protein density” ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นไวรัสที่ปรับใหม่ หรือ สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการให้มีการแสดงออกของ Spike ที่มากขึ้นกว่าสายพันธุ์ที่แยกจากผู้ป่วยในธรรมชาติหรือไม่

จุดขายอีกอย่างหนึ่งคือ สารกระตุ้นภูมิที่อยู่ในสูตรของวัคซีน ซึ่งมีส่วนประกอบของ alum (พบได้ใน Sinovac และ Sinopharm) บวกกับ CpG 1018 ซึ่งเป็น สูตรที่บริษัทพัฒนาร่วมกับบริษัท Dynavax Technologies มาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีนในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันทั้งในรูปของแอนติบอดี และ T cell นับว่าเป็นการยกระดับวัคซีนเชื้อตายให้สูงขึ้นมาอีกขั้นนึงละครับสำหรับวัคซีนน้องใหม่ตัวนี้”