ศปก.สธ. อนุมัติฉีดวัคซีนสูตรไขว้ 'แอสตร้าฯ+ไฟเซอร์' เริ่ม ต.ค.นี้

เมื่อวันที่ 3 กันยายน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า จากการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศปก.สธ.) ที่มี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ.เป็นประธาน ที่ประชุมมีการหารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ และหน่วยงานต่างๆ มีมติอนุมัติสูตรการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย โดยอาศัยคำแนะนำจากคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันป้องกันโรค ที่ประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 โดยอิงจากผลการวิจัยในต่างประเทศใหม่ๆ และการศึกษาในประเทศไทยซึ่งมีข้อมูลน่าสนใจ เช่น การฉีดวัคซีนแนะนำเป็นสูตรไขว้ ซึ่งขณะนี้แนะนำสูตรวัคซีนไขว้ 2 สูตร ได้แก่

1.วัคซีนซิโนแวค เป็นเข็มแรก ตามด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า เป็นเข็ม 2 ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ กลุ่มเป้าหมายอายุ 18 ปีขึ้นไป

2. สูตรวัคซีนแอสตร้าฯ เป็นเข็มที่ 1 ตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ เป็นเข็มที่ 2 ห่าง 4-12 สัปดาห์ สำหรับกลุ่มที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

“โดยจะมีการใช้อย่างแพร่หลายในเดือนตุลาคมนี้ เมื่อเรามีวัคซีนไฟเซอร์ที่มีการสั่งซื้อจัดส่งมอบรายเดือนนี้ประมาณ 10 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีการใช้อยู่บ้างเนื่องจากมีวัคซีนไฟเซอร์เหลือจากการฉีดบุคลากรด่านหน้าไปแล้ว ซึ่งเหลืออยู่จำนวนไม่มาก โรงพยาบาล (รพ.) ก็นำมาให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงคือ ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ เข็มแรก เมื่อเดือนมิถุนายน และครบกำหนดฉีดเข็ม 2 แล้ว เมื่อมาถึง รพ.ก็ฉีดไฟเซอร์ได้เลย หากมี และบูสเตอร์ โดส สำหรับคนฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ให้ฉีดเข็ม 3 ด้วยแอสตร้าฯ” นพ.โสภณ กล่าว

นอกจากนี้ นพ.โสภณ กล่าวว่า ยังมีการประชุมหารือถึงกรณีคนที่หายป่วยจากโรคโควิด-19 แล้ว ที่มีจำนวนหลายแสนคน คณะกรรมการฯ มีความเห็นตรงกันว่า หลังจากหายป่วยแล้วอย่างน้อย 1 เดือน และภายใน 3 เดือน ให้ฉีดวัคซีนกระตุ้น 1 เข็ม เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันสูงขึ้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำด้วยวัคซีนแอสตร้าฯ หรือวัคซีนไฟเซอร์โดยเร็ว ส่วนผู้ที่เคยได้รับวัคซีน 2 เข็ม แต่ยังติดเชื้อและเมื่อหายดีแล้ว ยังไม่ต้องฉีดบูสเตอร์ โดส แต่อย่างใด

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวย้ำว่า ผลการวิจัยวัคซีนสูตรไขว้นั้น มีความปลอดภัยและทำภูมิคุ้มกันขึ้นสูง ที่สำคัญหญิงตั้งครรภ์ก็สามารถฉีดได้

ทั้งนี้ นพ.โสภณ กล่าวว่า ส่วนการนำเข้าวัคซีนในประเทศไทย ยืนยันว่าในสิ้นปีนี้จะมีวัคซีนทั้งหมดรวม 140 ล้านโดส คือ แอสตร้าฯ 61 ล้านโดส ซิโนแวค 31.5 ล้านโดส ไฟเซอร์ 31.5 ล้านโดส ซิโนฟาร์ม 11 ล้านโดส และโมเดอร์นา 5 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้ในสิ้นปีนี้ วัคซีนแอสตร้าฯ กับไฟเซอร์ มีมากสุดในประเทศไทย และกรณีการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าฯ นั้น ล่าสุด ทางซีอีโอแอสตร้าฯ ยืนยันว่า จะจัดส่งให้ไทยได้ 61 ล้านโดส ตามเอกสารที่ได้มีการเผยแพร่กันก่อนหน้านี้

“ขอให้ประชาชนมั่นใจเรื่องวัคซีน โดยเฉพาะในเดือนกันยายนนี้ ที่ประเทศไทยจะมีวัคซีนให้ฉีดประมาณ 15 ล้านโดส จาก ซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้าฯ 7 ล้านโดส และไฟเซอร์ 2 ล้านโดส” นพ.โสภณ กล่าว