ซิดนีย์พบป่วยโควิด-19 กลุ่มก้อนเพิ่ม 12 ราย ยังไม่พิจารณาล็อกดาวน์

ซิดนีย์, 22 มิ.ย. (ซินหัว) -- วันอังคาร (22 มิ.ย.) ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อนล่าสุดที่หาดบอนได (Bondi) ในนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นแตะ 21 รายแล้ว

รัฐนิวเซาธ์เวลส์ (NSW) ซึ่งมีซิดนีย์เป็นเมืองหลวง รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ติดเชื้อในท้องถิ่น 5 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมง นับจนถึงเวลา 20.00 น. ของวันจันทร์ (21 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่สำนักสาธารณสุขจะได้รับแจ้งพบผู้ป่วยติดเชื้อในท้องถิ่นอีก 7 รายในชั่วข้ามคืน

ในบรรดาผู้ป่วยรายใหม่ทั้งหมดพบว่าผู้ป่วยเด็ก 1 รายจากโรงเรียนประถมศึกษาในเขตชานเมืองตะวันออกของซิดนีย์นั้นไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มก้อนการแพร่ระบาดดังกล่าว

"ในกรณีนี้ เราไม่มีข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแหล่งติดเชื้อของผู้ป่วยเด็กรายนี้ ดังนั้นเราจึงกำลังค้นหาแหล่งเชื้อตัวกลาง" เคอร์รี ชานต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐนิวเซาธ์เวลส์ กล่าว

ด้านกลาดีส์ เบเรจิกเลียน นายกเทศมนตรีรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ประกาศขยายเวลาบังคับสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะในอาคารต่างๆ ของมหานครซิดนีย์และพื้นที่ใกล้เคียง (Greater Sydney) เป็นเวลา 1 สัปดาห์ จนถึงเที่ยงคืนวันที่ 30 มิ.ย. ท่ามกลางความกังวลต่อจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี เบเรจิกเลียนยังไม่พิจารณาประกาศล็อกดาวน์ซิดนีย์ทุกรูปแบบในระยะนี้ โดยชี้ว่ามาตรการที่บังคับใช้อยู่สามารถป้องกันความเสี่ยงที่เผชิญอยู่ในปัจจุบันได้

"หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง หากเราพบผู้ป่วยที่ไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มก้อนนี้เพิ่มขึ้น หรือหากตรวจพบผู้ป่วยอยู่นอกพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กำหนด เราจะปรับเปลี่ยนคำแนะนำด้านสุขภาพและตอบสนองต่อกรณีเช่นนี้อย่างแน่นอน"

สำนักสาธารณสุขยังคงเร่งการตรวจโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยตรวจรวมทั้งสิ้น 28,645 ครั้ง ใน 24 ชั่วโมง นับจนถึงเวลา 20.00 น. ของวันจันทร์ (21 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกระตุ้นให้ประชาชนที่เคยผ่านไปแถวจุดแพร่ระบาดเข้ารับการตรวจเชื้อทันที

เบเรจิกเลียนคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เนื่องจากโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธ์ุเดลตา (Delta) ที่แพร่เชื้อได้ง่ายกว่าเดิม