จีนยืนยันซากโบราณในส่านซี แหล่งตั้งถิ่นฐานเก่าแก่ 3,000 ปี

ซีอัน, 15 มี.ค. (ซินหัว) -- คณะนักโบราณคดีของจีนยืนยันการค้นพบซากโบราณในมณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งเป็นแหล่งตั้งถิ่นฐานขนาดใหญ่จากเมื่อราว 3,000 ปีก่อน

สมาคมโบราณคดีมณฑลส่านซี ระบุว่าซากโบราณสวินอี้ ซีโถว (Xunyi Xitou) ตั้งอยู่ที่เมืองเสียนหยางของส่านซี ครอบคลุมพื้นที่ราว 2 ล้านตารางเมตร และจัดเป็นหนึ่งในแหล่งตั้งถิ่นฐานขนาดใหญ่ที่สุดจากยุคราชวงศ์ซางและราชวงศ์โจว โดยการขุดค้นซากโบราณแห่งนี้เริ่มต้นปี 2018คณะนักโบราณคดีค้นพบซากกำแพงดิน คูดิน และถนนจากยุคราชวงศ์โจวตะวันตก (1046-771 ปีก่อนคริสต์ศักราช) และเชื่อว่าเคยมีเมืองตั้งอยู่และครอบคลุมพื้นที่ราว 8 แสนตารางเมตรนอกจากนั้นคณะนักโบราณคดีค้นพบสุสานขนาดใหญ่กว่า 1.5 แสนตารางเมตร พร้อมหลุมศพเกือบ 1,000 หลุม โดยมีการเปิดหลุมศพขนาดใหญ่ 3 หลุมในปี 2022 ซึ่งหลุมหนึ่ง (รหัส M90) มาจากช่วงสิ้นยุคราชวงศ์ซาง (1600-1046 ปีก่อนคริสต์ศักราช) และช่วงเริ่มยุคราชวงศ์โจวคณะนักโบราณคดีขุดพบซากมนุษย์ถูกฝังเป็นเครื่องบูชายัญแบบแบ่ง 3 ชั้น จำนวน 38 ราย รวมถึงโบราณวัตถุทำจากเปลือกหอย เครื่องมือหิน กระดูก หยก สัมฤทธิ์ และเครื่องเคลือบเซรามิกขณะเดียวกันมีการค้นพบเศษแร่ทองแดง เศษเตา และเครื่องปั้นดินเผาในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง โดยคณะนักโบราณคดีเชื่อว่าพื้นที่นี้ถูกใช้ในช่วงต้นถึงกลางยุคราชวงศ์โจวตะวันตกโต้วไห่เฟิง รองคณบดีสาขามรดกวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยซีเป่ย ซึ่งนำโครงการขุดสำรวจ กล่าวว่าการค้นพบนี้อาจเป็นหลักฐานอันมีค่าต่อการศึกษาแผนผังการตั้งถิ่นฐาน องค์ประกอบของผู้อยู่อาศัย และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในยุคราชวงศ์ซางและราชวงศ์โจว รวมถึงมีนัยสำคัญต่อการศึกษาต้นกำเนิดและพัฒนาการของอารยธรรมราชวงศ์โจว