MAGURO ดาโอ คาดกำไรปีช่วงปี 65-68 เติบโตเด่น มองระยะยาวสดใส

#MAGURO #ทันหุ้น-บล.ดาโอ(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO ซึ่งเป็นหุ้นน้องใหม่ ที่ทำธุรกิจร้านอาหาร Premium Mass โดยปัจจุบันมีร้านอาหาร 3 แบรนด์ ได้แก่ MAGURO (อาหารญี่ป่นุ ), SSAMTHING TOGETHER (ปิ้งย่างเกาหลี), HITORI SHABU (ชาบหู ม้อเดี่ยว) ซึ่งฝ่ายวิจัยประเมินว่ากำไรปี 2565-2568 มีการเติบโตเด่น ซึ่งคาด EPS CAGR สูงถึง 43% ซึ่งในปี 2567 ประเมินว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% โดยมีปัจจัยหนุน จากรายได้รวมขยายตัว 37% จาก SSSG ที่ขยายตัว, ขยายสาขา 11 แห่ง และ ticket size ขยายตัว ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น หรือ GPM ขยายตัวจากสัดส่วนรายได้ HITORI SHABU ซึ่งถูก high margin ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมี upside จาก แบรนด์ใหม่ และในปี 2568 คาดว่าจะขยายอีก 12 าขา ซึ่งจะช่วยหนุนให้รายได้เติบโตสูง
ปัจจุบัน MAGURO มีทั้งหมด 26 สาขา (ณ วันที่ 15 มี.ค. 2567) โดยในปี 2567 บริษัทมีแผนมีแผนที่จะขยายสาขาทั้งหมด 11 สาขาและคาดว่าในปี 2568 อีก 12 สาขา ซึ่งจะช่วยหนุนให้รายได้เติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง มองว่า penetration rate ยังต่ำ ทำให้ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากการขยายสาขาเพิ่มทั้งในกรุงเทพและปริมณฑล และจังหวัดใหญ่ๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีจำนวนสาขาสูงสุดกว่า 700 สาขาทั่วไทย ฝ่ายวิจัยชอบแผนการขยายสาขาของ MAGURO แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อควบคุมคุณภาพอาหารและการให้บริการที่ดี
ฝ่ายวิจัยดาโอ ประเมินราคาเหมาะสมหุ้น MAGURO ที่ 21.40 บาท โดยมองว่าหุ้น MAGURO ควรเทรดที่ premium สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม เนื่องจากมี EPS CAGR (2566-2568) ที่สูงถึง +43% หรือคิดเป็น PEG ที่ 0.58 เท่า (อิงราคาเป้าหมายที่ 21.40 บาท)ในขณะที่ระยะยาวยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากการขยายสาขาทั้งกรุงเทพและปริมณฑลและจังหวัดใหญ่ๆ จาก penetration rate ที่ยังต่ำ