เชื้อโควิดสายพันธุ์ 'เดลต้า' มีแนวโน้มกลายเป็นสายพันธุ์หลักระบาดในสหรัฐ

วันนี้ (19มิ.ย.64) องค์การอนามัยโลก แถลงแสดงความเป็นห่วงการระบาดของโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลต้า หรือ สายพันธุ์อินเดีย ที่ขณะนี้ระบาดไปหลายประเทศทั่วโลกจนกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่พบในเวลานี้ เนื่องจากสามารถแพร่กระจายได้เร็วและทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษ ก็เริ่มพบการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาเพิ่มมากขึ้น 

เช่นเดียวกับเยอรมนีที่ระบุว่า โควิดสายพันธุ์เดลต้ากำลังจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศ แม้ว่าจะมีอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มจำนวนมากแล้วก็ตาม 

ส่วนในรัสเซีย ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงของกรุงมอสโกทำสถิติสูงสุด 9,056 คน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 เทียบกับวันก่อนหน้า เป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด โดยส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์เดลต้าด้วย

ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลกยังย้ำถึงความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดในทวีปแอฟริกา แม้ว่าจะมีการติดเชื้อคิดเป็นร้อยละ 5 ของทั่วโลก และเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 2 ของทั่วโลกก็ตาม เพราะล่าสุด พบการติดเชื้อรายใหม่ในนามิเบีย เซียร์ร่า ลีโอน ไลบีเรีย และรวันดา เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่การเข้าถึงวัคซีนยังอยู่ในระดับต่ำมาก        

ด้านสำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ รายงานว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่าร้อยละ 99 เป็นผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า โดยข้อมูลล่าสุดอังกฤษมียอดผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า อย่างน้อย 33,630 คน และมียอดผู้ติดเชื้อชนิดกลายพันธุ์สะสมรวมกัน เกือบ 76,000 คน ทำให้สายพันธุ์เดลต้า กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในอังกฤษ 

ขณะที่ วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์สามารถป้องกันอาการป่วยหนักจากการติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า ได้ถึงร้อยะ 75 หลังฉีดวัคซีนโดสแรก และมากถึงร้อยละ 94 เมื่อได้รับวัคซีนครบทั้งสองโดส

ด้าน แพทย์หญิงโรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้า มีแนวโน้มกลายเป็นเชื้อสายพันธุ์หลักที่ระบาดในสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า 

ขณะที่ ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ครบสองโดส มีประสิทธิภาพสูงในการต้านเชื้อโควิดชนิดกลายพันธุ์

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ขอให้ชาวอเมริกันเข้ารับการฉีดวัคซีน เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ได้ร้อยละ 70 ภายในวันที่ 4 กรกฎาคม โดยข้อมูลถึงเมื่อวานนี้ ผู้คนราวร้อยละ 65.1 รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง และมีเพียง 15 รัฐ และวอชิงตัน ดี.ซี. เท่านั้นที่ฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย