สหรัฐฯ ร้อนจัดจนทนไม่ไหว เสี่ยงต่อการอพยพครั้งใหญ่

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกเพิ่มขึ้น 67% ในช่วง 34 ปีที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยโลกปีที่ผ่านมาอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวถึง 2.9 องศาเซลเซียส และหากแนวโน้มยังดำเนินต่อไป โลกอาจร้อนขึ้นเฉลี่ย 7 องศาเซลเซียสภายในปี 2100 ผลกระทบเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายต่อประชาชนอเมริกันประมาณ 460 ดอลลาร์ต่อปี จากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุเฮอร์ริเคน ไฟป่า และราคาสินค้าอุปโภคบริโภค การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดว่าจะทำให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ทั้งในและระหว่างประเทศในอนาคต
โดยมีการคาดการณ์ว่าภูมิภาค Great Lakes ของสหรัฐฯ หรือ กลุ่มทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือ มีศักยภาพที่จะกลายเป็นจุดหมายสำหรับผู้ลี้ภัยด้านสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากมีภูมิอากาศที่ค่อนข้างเย็น น้ำจืดเพียงพอ และค่าครองชีพไม่สูงมาก
กลุ่มทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือ ประกอบด้วยทะเลสาบ 5 แห่ง ได้แก่
1. ทะเลสาบสุพีเรีย
2. ทะเลสาบมิชิแกน
3. ทะเลสาบฮูรอน
4. ทะเลสาบเอรี
5. ทะเลสาบออนแทรีโอ
สำหรับฤดูร้อนปีนี้ สหรัฐฯ เผชิญอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ เช่น ในรัฐแอริโซนา ในเมืองฟีนิกซ์ ซึ่งอุณหภูมิสูงถึงประมาณ 47.8 องศาเซลเซียส ความร้อนจัดนี้สร้างความยากลำบากอย่างยิ่งให้กับผู้ไร้บ้าน เนื่องจากอากาศร้อนและชื้นทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย น้ำดื่มที่ดื่มเข้าไปมักจะระเหยออกทางเหงื่ออย่างรวดเร็ว ทำให้กิจกรรมในชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องยากมากขึ้น อากาศร้อนจัดกลายเป็นปัญหาสำคัญที่เมืองต้องเข้ามามีบทบาท ทั้งในการปกป้องชีวิตผู้คนและบรรเทาผลกระทบต่อชุมชนที่เปราะบาง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อบรรเทาความร้อน เช่น ศูนย์พักคลายร้อนและร่มเงาธรรมชาติ ได้ช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตและลดความถี่ของการโทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉินของเมือง
โลกกำลังร้อนขึ้นเรื่อย ๆ การร่วมมือและแก้ไขปัญหาในวันนี้ คือทางรอดของชีวิตทุกคน เพราะเมื่อสภาพภูมิอากาศเปลี่ยน โลกต้องการการกระทำ ไม่ใช่เพียงคำพูด
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
