คลัง ย้ำ ลงทะเบียนรับ 5,000 บาท ทำได้ 24 ชม. ไม่ต้องรีบ มั่นใจไร้สวมสิทธิ์
กรุงเทพฯ – กระทรวงการคลัง มั่นใจ ระบบลงทะเบียนออนไลน์รับ 5,000 บาท ไม่ล่ม ทำธุรกรรมได้ถึง 3.48 ล้านคนต่อนาที พร้อมใช้ AI คุมเข้มคัดกรอง เชื่อ ไม่มีสวมสิทธิ์หลุด
วันที่ 28 มีนาคม 2563 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า ตามที่เว็บไซด์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com จะเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เงินเยียวยา จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย.) ตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวันนี้ (28 มี.ค.63) เป็นต้นไปนั้น ขณะนี้มีความแล้ว ทุกคนสามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ทุกช่วงเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง จึงไม่จำเป็นต้องแห่ลงทะเบียนตั้งแต่วันแรก เพราะยังมีเวลาให้ทุกคนเตรียมข้อมูลส่วนตัว
โดยระบบสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ถึง 58,000 รายการ ในเวลาเดียวกัน หรือคิดเป็นจำนวน 3.48 ล้านคนต่อนาที จึงเชื่อว่าระบบจะสามารถรองรับจำนวนประชาชนที่ต้องการเข้ามาลงทะเบียนออนไลน์ได้แบบไร้กังวล และขอย้ำให้ผู้ลงทะเบียนควรใช้โทรศัพท์มือถือประจำตัว ที่สามารถติดต่อสื่อสารถึงผู้ใช้สิทธิ์ เพื่อระบบจะได้แจ้งผลการลงทะเบียนและสิทธิ์ตามมาตรการตอบกลับไปยังผู้ลงทะเบียนผ่านทางข้อความ SMS เมื่อลงทะเบียนแล้ว ระบบพร้อมจ่ายเงินเยียวยาเข้าบัญชีเร็วสุดภายใน 7 วันทำการ
ซึ่งจะโอนเงินให้บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือผ่านบัญชีธนาคารที่มีชื่อและนามสกุลเจ้าของบัญชี ตรงกับชื่อและนามสกุลนำมาลงทะเบียน โดยการลงทะเบียนรับสิทธิ์ครั้งนี้ แตกต่างจากโครงการ ชิม ช้อป ใช้ ที่ใครลงก่อนได้ก่อน แต่มาตรการรับเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะให้สิทธิ์เฉพาะคนที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ระบุไว้เท่านั้น และอยากให้คนเดือดร้อนจริง ๆ เข้ามาลงทะเบียน
คุณสมบัติ
♦ต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
♦เป็นแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ
♦ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม ตามมาตรา 33
♦ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19
เตรียมหลักฐาน
♦บัตรประจำตัวประชาชน
♦ข้อมูลส่วนบุคคล
♦ข้อมูลประกอบอาชีพ
♦ข้อมูลนายจ้าง (กรณีมีนายจ้าง)
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวถึงระบบคัดกรองคุณสมบัติผู้ที่ได้สิทธิ์รับเงินเยียวยาว่า ธนาคารกรุงไทยนำระบบ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาใช้คัดกรองคุณสมบัติ ซึ่งมีความถูกต้องแม่นยำสูง มั่นใจจะช่วยลดปัญหาและป้องกันการสวมสิทธิ์จากพวกมิจฉาชีพได้ ทั้งนี้ ถ้ามีผู้ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติมากกว่า 3 ล้านคน จากเป้าหมายที่กำหนดไว้ กระทรวงการคลังพร้อมจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม จากเดิมที่เสนอไว้ 45,000 ล้านบาท