รีเซต

‘เค.ดับบลิว.เม็ททัลฯ’ ลุยสกัด ‘พืชกระท่อม’ หลังถูกปลดล็อกจากยาเสพติด ยกระดับสมุนไพรไทยสู่สากล

‘เค.ดับบลิว.เม็ททัลฯ’ ลุยสกัด ‘พืชกระท่อม’ หลังถูกปลดล็อกจากยาเสพติด ยกระดับสมุนไพรไทยสู่สากล
มติชน
1 มิถุนายน 2564 ( 00:51 )
73
‘เค.ดับบลิว.เม็ททัลฯ’ ลุยสกัด ‘พืชกระท่อม’ หลังถูกปลดล็อกจากยาเสพติด ยกระดับสมุนไพรไทยสู่สากล

 

นายอุกฤษณ์ วนโกสุม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ผู้นำในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตรและมีประสบการณ์ด้านงานวิศวกรรมเครื่องกล และผู้นำด้านการผลิตเครื่องสกัดระบบ SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION กัญชง-กัญชา และสมุนไพรไทย สัญชาติไทยเป็นรายแรกของประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ยกเลิก “พืชกระท่อม”จากยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 มีผลบังคับใช้ในอีก 90 วัน หรือประมาณช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2564 ล่าสุด KWM มีความพร้อมในการนำพืชกระท่อม มาสกัดสารสำคัญ เพื่อมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยบริษัทฯ คาดว่าผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากพืชกระท่อม จะมีความชัดเจนภายในปี 2565 โดยมองว่าการปลดล็อก พืชกระท่อม ยังเป็นการต่อยอดเพื่อให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจที่จะเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ เพราะสามารถนำพืชกระท่อมมาสกัดสารสำคัญ เพื่อใช้สำหรับกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และพืชกระท่อมเป็นพืชที่เพาะปลูกได้ดีในพื้นที่ประเทศไทย ทำให้ได้เปรียบในด้านแหล่งผลิตวัตถุดิบ

 

 

 

นายอุกฤษณ์ กล่าวว่า เมื่อผนวกกับความเชี่ยวชาญทางด้านการสกัด ของบริษัทฯ จะเป็นการยกระดับสมุนไพรไทย ให้มีศักยภาพที่จะแข่งขันในระดับสากลในอนาคต จากความโดดเด่นด้านเทคโนโลยี วิธีการทางเทคนิค วิทยาการความรู้ (Know-How)ในการผลิตเครื่องจักรทางด้านเกษตร จนแตกไลน์สู่การผลิตเครื่องสกัดด้วยระบบ SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION เพื่อสกัดสารจากพืชกัญชา และสมุนไพรไทย โดยมุ่งเน้นสารสกัดที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพร เพื่อนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องสำอาง ยา รวมถึงเครื่องดื่ม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีนโยบายในการช่วยพลักดันภาคการเกษตรของไทยเข้าสู่เกษตรสมัยใหม่ หรือ โมเดิร์นฟาร์ม (Modern Farm) เช่นเดียวกัน ซึ่งทำให้เห็นว่าบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการสกัดและผลิต แบบ one stop service ในระดับต้นๆของประเทศ

 

 

 

“บริษัทฯ เชื่อว่าจากจุดเริ่มต้นในธุรกิจการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ด้านการเกษตร สู่การแตกไลน์ธุรกิจใหม่ในครั้งนี้จะเป็นตัวสร้างมูลเพิ่มให้กับบริษัท ในอนาคตได้อย่างมั่นคงมากยิ่งขึ้น และยังลดการพึ่งพารายได้จากธุรกิจหลักเพียงอย่างเดียวถือว่าเป็นการบริหารความเสี่ยงได้อย่างลงตัว ซึ่งมีการผลิต คิดค้นตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลาย” นายอุกฤษณ์ กล่าว

 

 

นายอุกฤษณ์ กล่าวว่า บริษั ได้เตรียมความพร้อมในด้านเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจไว้แล้ว โดยแผนการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 70 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 210 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 280 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ KWM-W1ที่บริษัทฯ ได้ออกให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราการจัดสรรเท่ากับ 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ มีอายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ออก และมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1.50 บาทต่อหุ้น

 

 

 

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ และใช้สำหรับการรองรับแผนขยายไลน์ธุรกิจไปยังผลิตเครื่องสกัดสารสกัดจากพืชสมุนไพร โดยจะช่วยเพิ่มศักยภาพสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ให้มีสภาพคล่องจากเงินทุนรองรับในอีก 2 ปีข้างหน้า หากผู้ถือหุ้นมีการแปลงสภาพหมดตามสิทธิ ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทฯในอนาคต ในการนำเม็ดเงินทุนไปต่อยอดและขยายการลงทุน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสู่การเติบโตและยั่งยืนให้บริษัทฯอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทฯจะมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันอังคารที่ 29 มิถุนายน 2564 เพื่อขออนุมัติผู้ถือหุ้นพิจารณาวาระการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ดังกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง