TFMเร่งยอดขายใน-ตปท. แย้มดีลลูกค้า OEMเพียบ

#TFM #ทันหุ้น - TFM ปี 2569 ตั้งเป้ารายได้โต 5-7% จากปีนี้ แรงหนุนตลาดในไทยรุกขายอาหารปลาน้ำจืด “4 Engines” ด้าน จากอาหารกุ้งเพิ่มแตะ 30% -ปลากะพงหวัง 50% พร้อมเดินหน้าขยายตลาดส่งออก ทั้งเพิ่มวอลุ่มในประเทศเดิม-หาตลาดใหม่เผย อยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับพันธมิตร “Mitsubishi” จำหน่ายอาหารปลาในญี่ปุ่น แย้มอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้า OEM เพียบ ยันค่าเงินบาทแข็งค่ากระทบน้อย
นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM เปิดเผยกับ "ทันหุ้น" ว่า ในปี 2569 ถือว่าเป็นปีของการเก็บเกี่ยวรายได้ หลังจากบริษัทได้มีการลงทุนขยายกำลังผลิตเสร็จแล้ว โดยบริษัทมีแผนเพิ่มยอดขายมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อทำให้การใช้กำลังการผลิตของบริษัทมากขึ้น โดยบริษัทคาดว่ารายได้รวมโต 5-7% (ตั้งเป้าแบบ Conservative)
@หนุนรายได้ปีหน้าโต
สำหรับการเติบโตในประเทศบริษัทจะมีการรุกจำหน่ายอาหารปลาน้ำจืด 4 ชนิดหลัก (4 Engines) มากขึ้น คือ อาหารปลานิล ปลาทับทิม ปลาดุก ปลาช่อน เนื่องจากเกษตรกรเลี้ยงจำนวนมาก และส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในส่วนนี้ของบริษัทยังน้อยเพียง 8-10% โดยปีหน้าตั้งเป้าเพิ่มเป็น 15% หลังจากที่บริษัทได้มีการปรับเรื่องการบริหาร คุณภาพ และการให้บริการ รวมถึงการเข้าถึงเกษตรกรมากขึ้น
ทั้งนี้ 4 Engines ดังกล่าวจะมาเป็นส่วนเพิ่มทำให้บริษัทเติบโต จากที่ยอดขายอาหารกุ้งเติบโตเช่นกันโดยปีหน้าคาดว่ามาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น 28-30% จากปีนี้อยู่ที่ 25% ขณะที่อาหารปลากะพง มาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น โดยปีหน้าคาดเพิ่มเป็น 48-50% จากปีนี้ที่ 47% นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าอีกหลายราย ที่จะมาจ้างบริษัทผลิต (OEM) ที่จะเข้ามาเพิ่มในปีหน้า
“ยอดขายอาหารปลาน้ำจืด และปลาสวยงาม จะเข้ามาเสริมทำให้บริษัทมีการเติบโตมากขึ้น และเมื่อโรงงานของบริษัทมีการใช้กำลังการผลิตได้สูงประมาณ 90% ก็จะทำให้บริษัทมีต้นทุนการผลิตลดลง ซึ่งบริษัทไม่มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในอีก 3 ปี หลังจากที่มีการลงทุนไป 300 ล้านบาทในการขยายกำลังผลิตไปแล้ว”
@รุกส่งออก
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของการส่งออกปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 8-10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4% โดยบริษัทจะส่งออกอาหารปลาน้ำจืดไปจำหน่ายในประเทศอินเดีย จากปัจจุบันที่ส่งออกเฉพาะอาหารกุ้ง เพราะตลาดในประเทศอินเดียใหญ่มาก จึงมีโอกาสเติบโตที่สูง รวมถึงตลาดที่อินโดนีเซียก็มีการเติบโต ขณะที่ตลาดอื่นๆ บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปแล้ว มีโอกาสเติบโตมากขึ้น อาทิ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, บรูไน, ศรีลังกา, และตะวันออกกลาง และมีแผนขยายส่งออกไปประเทศอื่นๆ มากขึ้น
@เล็งเจาะตลาดญี่ปุ่น
สำหรับบริษัทมีแผนที่จะจำหน่ายอาหารปลาไปที่ญี่ปุ่น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนาอาหารปลาที่เลี้ยงในกระชังในทะเล ซึ่งถือเป็นโครงการใหม่ของบริษัท (New Project) ที่อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับพันธมิตร คือ Mitsubishi โดยคาดว่าจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปี
ส่วนเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่านั้นไม่ได้ส่งผลกระทบมากนักกับบริษัท เพราะบริษัทมีการส่งออกไปต่างประเทศไม่มาก และมีการซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศบ้างแต่ไม่เกิน 20% โดยบริษัทมีการบริหารจัดการค่าเงิน โดยการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward) ปิดความเสี่ยงหมดแล้ว
@กำไรปกติปี 69 นิวไฮต่อ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรปกติปี 2569 ของ TFM จะขยายตัวต่อเนื่อง อยู่ที่ 807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2568 คาดอยู่ที่ 758 ล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยหลักจากรายได้โต7% YoY จากกลยุทธ์ขยายตลาดเชิงรุก ทั้งอาหารกุ้งที่บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็นอย่างน้อย 30% จาก 9 เดือนปี 2568 อยู่ที่ 25%
รวมถึงตลาดอาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะอาหารปลาน้ำจืด ขณะที่ตลาดอินโดนีเชียคาดกลับมาฟื้นตัวจากปัญหาโรคระบาดปรับตัวดีขึ้น รวมถึงกฎการตรวจสอบคุณภาพกุ้งที่ส่งออกไปสหรัฐชัดเจนขึ้น และ ฐานค่าใช้จ่ายภาษีลดลง หลังบริษัทมีการลงทุนโครงการใหม่ ทำให้กลับมาได้สิทธิทางภาษีจาก BOI ตั้งแต่กลางไตรมาส 3/2568 อย่างไรก็ตามปัจจัยเหล่านี้คาดถูกชดเชยบางส่วน จากกำไรขั้นต้นลดลง 0.50% YoY จากต้นทุนปลาปรับเริ่มสูงขึ้น จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2569 อยู่ที่ 7.30 บาทต่อหุ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
