พายุซัด ยอดฉัตรถล่มหอประวัติคู่บ้านคู่เมืองกาญฯ ชาวบ้านห่วงลางร้าย

เวลา 16.30 น. วันที่ 19 ก.ค.ได้เกิดเหตุยอดฉัตรของหอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัดเทวสังฆาราม(พระอารามหลวง) สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองกาญจนบุรี ถูกพายุฝนที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง จนพังถล่มลงมา แต่โชคดีในระหว่างที่เกิดเหตุ ไม่มีพระสงฆ์หรือชาวบ้านที่อยู่บริเวณหอพระประวัติได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
โดยท่านเจ้าคุณพระกิตติสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม กล่าวว่า ก่อนที่ยอดฉัตรของหอพระประวัติสมเด็จพระสังฆราชจะพังถล่ม ได้มีพายุฝนและลมแรงพัดกระหน่ำมาตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 14.30 นาฬิกา กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 16.15นาฬิกา ได้มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์มาแจ้งว่า ยอดฉัตรบนหอพระประวัติเกิดพังถล่มลงมา ทางพระในวัดจึงรีบเดินทางลงมาสำรวจความเสียหาย
ทั้งนี้พบว่า ยอดฉัตรที่อยู่ด้านบนของหอพระประวัติพังถล่มลงมาทั้งอัน และยังได้ตกลงมากระแทกกับกระเบื้องและหลังคาของหอพระประวัติจนพังเสียหายอีกหลายจุด หลังคาที่แตกทำให้มีน้ำฝนรั่วเข้ามาภายในบริเวณส่วนจัดแสดงหนังสือพระประวัติ และจุดจำหน่ายวัตถุมงคลได้รับความเสียหาย
ทางพระในวัดได้ช่วยกันเก็บกวาดและทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ส่วนสาเหตุที่ทำให้ยอดฉัตรถูกพายุพัดจนพังถล่มลงมานั้น น่าจะมาจากการที่เหล็กซึ่งยึดยอดฉัตรเอาไว้กับตัวอาคารหอพระประวัติ มีสภาพเก่ามากและเริ่มผุพังทรุดโทรม เมื่อถูกลมพายุพัดอย่างหนักจึงต้านทานไม่ไหวและพังถล่มลงมา ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเป็นลางร้ายหรือลางบอกเหตุสิ่งไม่ดี อย่างที่ชาวบ้านบางกลุ่มเชื่อกัน
โดยหลังจากนี้ ทางวัดจะได้ประสานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดและแจ้งไปทางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจความเสียหายและทำการบูรณะซ่อมแซมยอดฉัตรและตัวอาคารหอพระประวัติที่ได้รับความเสียหายในครั้งนี้ต่อไป สำหรับหอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 นี้ ได้เริ่มเปิดอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2556
โดยเป็นการรวมใจกันระหว่างคณะสงฆ์และประชาชนรวมถึงส่วนราชการ ภาคเอกชนทุกภาคส่วนในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 ซึ่งมีชาติภูมิเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างไปมากกว่า 200 ล้านบาท และกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดกาญจนบุรีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา