รีเซต

เลิกนับผู้ป่วย-เร่งฉีดวัคซีน-เลิกกลัว ใช้ชีวิตปกติมองโควิดเป็นเหมือน "ไข้หวัด-อีสุกอีใส"

เลิกนับผู้ป่วย-เร่งฉีดวัคซีน-เลิกกลัว ใช้ชีวิตปกติมองโควิดเป็นเหมือน "ไข้หวัด-อีสุกอีใส"
TNN World
1 กรกฎาคม 2564 ( 09:39 )
120
เลิกนับผู้ป่วย-เร่งฉีดวัคซีน-เลิกกลัว ใช้ชีวิตปกติมองโควิดเป็นเหมือน "ไข้หวัด-อีสุกอีใส"

Editor’s Pick: สิงคโปร์ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ หวังหยุดนับผู้ป่วยโควิดเสียที ให้ชีวิตกลับสู่ปกติและเดินหน้าต่อไปได้

 

 

 

โร้ดแมป ยุติมาตรการโควิดทั้งหมด

 

สมาชิกคณะทำงานโควิด-19 ของสิงคโปร์ เปิดเผย ‘โร้ดแมป’ ใหม่ ซึ่งมีใจความสำคัญคือ การยกเลิกล็อกดาวน์ ยกเลิกการติดตามผู้สัมผัสกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อ และให้ประชาชนเดินทางไปที่ไหนก็ได้แบบไม่ต้องกักตัว รวมกลุ่มกันได้ และรัฐบาลจะหยุดนับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายวันเสียที

 

 

ข้อเสนอนี้ของรัฐบาลสิงคโปร์ ถือว่าสุดโต่งและย้อนแย้งกับหลัก “ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์” ที่รัฐบาลนานาประเทศและดินแดนปรับใช้กัน รวมถึงในฮ่องกงด้วย ซึ่งถือเป็นพื้นที่หนึ่งที่ควบคุมการระบาดของโควิดได้ค่อนข้างดี

 

 

หลัก “ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์” ต้องอาศัยความเข้มงวด มาตรการกักตัวที่รู้สึกเหมือนถูกลงโทษ แต่ปัจจุบัน กลับแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะยับยั้งการระบาดของโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ ๆ ทีเ่กิดขึ้นตลอด

 

 

 

แบบแผนปัจจุบันไม่ยั่งยืน

 

คณะทำงานจึงมองว่า หลัก “ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์” มันไม่ยั่งยืนเสียเหลือเกิน ดังนั้น จึงควรอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้มากกว่า

 

กัน กิม หยง รัฐมนตรีสาธารณสุข, ลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีการคลัง และอ่อง ยี่ กุง รัฐมนตรีสาธารณสุข แสดงความเห็นในหนังสือพิมพ์ Straits Times เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า

 

“ข่าวร้ายคือ โควิด-19 จะไม่หมดไป ข่าวดีคือ เป็นไปได้ที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน...เราสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ระบาดให้เป็นอะไรที่ดูคุกคามน้อยกว่า เหมือนไข้หวัด โรคมือเท้าปาก โรคอีสุกอีใส แล้วใช้ชีวิตต่อไปได้”

 

หากสิงคโปร์เดินหน้า ‘โร้ดแมป’ นี้จริง อาจใช้เป็นแม่แบบสำหรับประเทศอื่น ๆ เพื่อคืนชีวิตปกติให้ประชาชน เปิดการท่องเที่ยว การเดินทาง ให้กลับมาเหมือนเดิม หลังประชาชนต้องทนทรมานกับโควิดมานานกว่า 18 เดือน

 

 

 

แล้วต้องทำยังไง?

 

ปัจจุบัน สิงคโปร์ใกล้ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสให้ประชากรครบ 2 ใน 3 แล้ว โดยตั้งเป้าทำให้สำเร็จภายในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ ซึ่ง 3 รัฐมนตรีเองก็ยอมรับว่า “วัคซีนมีประสิทธิภาพลดความเสี่ยงการติดเชื้อและแพร่เชื้อ แล้วถ้าติดเชื้อ ก็ช่วยลดอาการรุนแรงของโควิดได้”

 

 

เมื่อตัวเลขผู้ป่วยลดลงจากการฉีดวัคซีนได้มากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลสิงคโปร์จะปฏิบัติกับโควิด เหมือนโรคไข้หวัด ด้วยการสังเกตการณ์เฉพาะคนที่อาการหนักจริง ๆ แล้วมีคนต้องเข้าห้องผู้ป่วยวิกฤตเท่าไหร่ ขณะที่จะอนุญาตให้คนติดเชื้อรักษาตัวที่บ้านได้

 

 

หากทำแบบนี้ “รัฐบาลก็กังวลน้อยลงกับการที่ระบบสาธารณสุขงานล้นมือ”

 

 

สำหรับกรณีโควิดกลายพันธุ์ที่มีอัตราติดเชื้อได้ง่ายและเร็วกว่า ซึ่งกำลังเป็นที่วิตกอยู่ที่ทั่วโลก, รัฐบาลสิงคโปร์จะใช้ ‘เข็มเพิ่มภูมิ’ หรือ ‘Booster Shot’ ให้ประชาชน เป็นโครงการฉีดวัคซีนแบบหลายปี

 

 

การตรวจโรคและสังเกตการณ์โควิดยังมีอยู่ แต่จะกระทำต่อเมื่ออยู่ในสถานการณ์พิเศษ อาทิ ก่อนจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มขนาดใหญ่ หรือมีผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ แทนที่การไปติดตามและกักตัวผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ

 

 

รัฐบาลจะส่งชุดตรวจโควิดที่ง่ายและรวดเร็วกว่า เข้าถึงง่ายกว่าการตรวจแบบ PCR ที่ใช้เวลานานเกินไป อาทิ ใช้เครื่องตรวจโควิดแบบเป่าที่ใช้เวลาเพียง 1-2 นาทีก็รู้ผล เป้นต้น

 

 

 


เราจะมองโควิดต่างออกไป

 

ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลจะเพิ่มการรักษาอาการโควิดแบบใหม่ ๆ ให้ประชาชนด้วย อาทิ การรักษาแบบอายุรเวท การบำบัดต่าง ๆ ที่ใช้ได้ผลดีกับผู้ป่วยหนัก ช่วยให้พวกเขาหายเร็วขึ้น และลดความเสี่ยงทำให้อาการทรุดหรือถึงขั้นเสียชีวิต

 

 

รัฐบาลยังจะรณรงค์ให้ประชาชนมี “ความรับผิดชอบต่อสังคม” ด้วยการรักษาสุขอนามัย ห่างไกลจากฝูงชนหากรู้สึกไม่สบาย เพื่อลดการแพร่เชื้อ

 

 

“ด้วยการฉีดวัคซีน ตรวจโรค การรักษา และความรับผิดชอบทางสังคม หมายความว่า ถ้าในอนาคตมีใครติดโควิด เราก็จะปฏิบัติกับมันด้วยวิธีที่แตกต่างออกไป” สามรัฐมนตรี กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง