ย่างกุ้งล็อกดาวน์ 7 เขต "ซูจี" ชี้ โควิด-19 เป็นภัยพิบัติแห่งชาติ

วันนี้ (3 ก.ย.63) รัฐบาลเมียนมาเริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดมากเป็นพิเศษใน 7 เขตของนครย่างกุ้ง โดยสั่งให้ประชาชนในย่างกุ้งหยุดอยู่กับบ้าน เช่นเดียวกับที่ได้ใช้มาตรการเดียวกันนี้ในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด-19 ในเมียนมา โดย 7 เขตในย่างกุ้งที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดพิเศษคือ เขตตีงานจูน , อีนเซน , โอะกะลาปะเหนือ , ตะเคดะ , ไลง์ , ปะซูนดอง และมีนกะละโดน 

ก่อนหน้านี้ เมียนมาได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดเป็นพิเศษในพื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐยะไข่ โดยเฉพาะในเมืองสิตตะเว มานานหลายสัปดาห์แล้ว โดยรัฐบาลเมียนมาโทษว่าเป็นความผิดของประชาชนราว 7,000 คน ที่เดินทางออกจากยะไข่โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ รวมทั้งไม่ยอมกักตัวเอง หลังจากที่เมียนมาเริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์ในสิตตะเว

การประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในย่างกุ้ง เกิดขึ้นหลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 15 คนในนครย่างกุ้งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่ติดเชื้อมาจากคนที่เดินทางกลับมาจากรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด-19 ในเมียนมา และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 47 คนในย่างกุ้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ที่เป็นการติดเชื้อภายในย่างกุ้งเอง โดยไม่มีประวัติการเดินทางออกนอกย่างกุ้ง 

ด้าน นางอองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา ระบุว่า การระบาดของโควิด-19 ในเมียนมา เป็นภัยพิบัติแห่งชาติ จึงต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น และใครก็ตามที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการหยุดโควิด19 จะต้องถูกจำคุกสูงสุด 1 ปี ภายใต้กฎหมายภัยพิบัติแห่งชาติ โดยนางซูจีระบุว่า เจ้าหน้าที่จะใช้กฎหมายจัดการภัยพิบัตแห่งชาติ ซึ่งมีโทษสูงกว่า มาใช้แทนกฎหมายโรคระบาด เนื่องจากถือว่าโควิดเป็นภัยพิบัติแห่งชาติ

ส่วนสถานการณ์ระบาดล่าสุดในเมียนมา กระทรวงสุขภาพและกีฬาของเมียนมา รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด19 รายใหม่เมื่อวานนี้ 19 คน โดยเป็นการติดเชื้อภายในท้องถิ่น 12 คน ส่วนอีก 7 คนเป็นเคสนำเข้า ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมโควิด-19 ในเมียนมาล่าสุด เพิ่มขึ้นเป็น 938 คนเมื่อวานนี้ (พุธ) ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 6 คน