โมเดอร์นายื่นเรื่องเอฟดีเอขออนุมัติเต็มรูปแบบ ไฟเซอร์เดินหน้าต่อ ผลักดันวัคซีนเข็มที่สาม

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา ได้ยื่นเรื่องขออนุมัติการใช้อย่างเต็มรูปแบบกับคณะกรรมการอาหารและยาหรือเอฟดีเอ (FDA) ของสหรัฐฯ แล้ว หลังจัดทำรายงานผลการศึกษาประสิทธิภาพในขั้นสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย

หลังจากที่เมื่อวานนี้ (25 ส.ค. ) วัคซีนโควิดของไฟเซอร์ผ่านการอนุมัติจากเอฟดีเออย่างเต็มรูปแบบเป็นชนิดแรก ในวันนี้โมเดอร์นาก็ได้ยื่นเรื่องขออนุมัติเช่นกัน เพื่อให้วัคซีนของตนใช้ได้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปอย่างเต็มรูปแบบและเป็นการถาวร ซึ่งจะทำให้ข้อจำกัดในการใช้และจำหน่ายวัคซีนที่อยู่ภายใต้กรอบการอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉินก่อนหน้านี้หมดสิ้นไป

โมเดอร์นาระบุในรายงานฉบับล่าสุดซึ่งใช้ยื่นขออนุมัติในครั้งนี้ว่า ผลการศึกษาขั้นสุดท้ายบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในการป้องกันโรคของวัคซีนสูงถึง 93% แม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 6 เดือน หลังได้รับวัคซีนเข็มที่สอง

บรรดาผู้สันทัดกรณีมองว่า การอนุมัติวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาอย่างเต็มรูปแบบ จะสร้างความมั่นใจให้กับชาวอเมริกันที่ยังลังเลไม่กล้ารับวัคซีน รวมทั้งจะช่วยกระตุ้นรัฐบาลท้องถิ่น บริษัท และองค์กรต่าง ๆ ให้ออกข้อบังคับต่อพลเมืองและลูกจ้างในสังกัดให้ต้องฉีดวัคซีนด้วย ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนผู้ได้รับวัคซีนภายในประเทศเพิ่มขึ้นอีกมาก โดยที่ผ่านมาโมเดอร์นาจัดส่งวัคซีนโควิดให้กับสหรัฐฯแล้วกว่า 300 ล้านโดส

ด้านบริษัทไฟเซอร์ได้เดินหน้าผลักดันกรณีที่ขออนุมัติวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่สามต่อเอฟดีเอ โดยคาดว่าจะยื่นรายงานวิจัยประกอบการพิจารณา เพื่อให้วัคซีนไฟเซอร์เข็มสามใช้ได้กับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ภายในสัปดาห์นี้

ไฟเซอร์เผยถึงผลวิจัยล่าสุดในรายงานดังกล่าวว่า กลุ่มทดลอง 306 คนซึ่งได้รับวัคซีนโควิดเข็มที่สาม โดยทิ้งช่วงห่างจากเข็มที่สองราว 5-8 เดือน มีระดับของแอนติบอดีที่ช่วยลบล้างฤทธิ์ไวรัสสูงขึ้น 3.3 เท่า เมื่อเทียบกับตอนได้รับวัคซีนเข็มที่สอง ส่วนผลข้างเคียงนั้นคล้ายกับที่เกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีนเข็มที่สองเช่นกัน ซึ่งรวมถึงอาการปวดศีรษะหรืออ่อนเพลียเล็กน้อยถึงปานกลาง

ก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐฯ ประกาศแผนจะฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่สาม ให้กับคนที่รับวัคซีนครบโดสมาแล้วอย่างน้อย 8 เดือน ภายในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ เพื่อสู้กับการระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตา และล่าสุดกำลังพิจารณาฉีดวัคซีนเข็มสามให้กับคนที่รับวัคซีนครบโดสมาแล้ว 6 เดือน แต่อย่างไรก็ตาม แผนการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับว่าเอฟดีเอรวมทั้งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) จะยอมอนุมัติวัคซีนเข็มที่สามหรือไม่

สำหรับความคืบหน้าเรื่องการค้นหาต้นตอของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นที่มาของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกนั้น สื่อมวลชนอเมริกันรายงานว่า ผลการสืบสวนของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่จะมีการเปิดเผยในไม่กี่วันข้างหน้านี้ ยังไม่อาจหาข้อสรุปได้ว่า เชื้อไวรัสโควิดแพร่จากสัตว์สู่คน หรือเล็ดลอดออกจากห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่นของจีนกันแน่ ในขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนชี้ว่า รายงานดังกล่าวไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์และรับใช้วัตถุประสงค์ทางการเมือง