รีเซต

อาจารย์แพทย์,พยาบาล,แม่บ้าน รพ.มธ.เฉลิมพระเกียรติ ติดโควิด ขณะที่ผู้ป่วยเสียชีวิตในICUแทบทุกวัน

อาจารย์แพทย์,พยาบาล,แม่บ้าน รพ.มธ.เฉลิมพระเกียรติ ติดโควิด ขณะที่ผู้ป่วยเสียชีวิตในICUแทบทุกวัน
มติชน
18 กรกฎาคม 2564 ( 10:32 )
22

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ แจ้งว่า เช้าวันนี้มีอาจารย์แพทย์หนึ่งคน พยาบาลสองคนและแม่บ้านหนึ่งคนมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก และว่า พยาบาลและบุคลากรหลายวอร์ด แทนที่จะได้ดูแลคนไข้ กลับต้องเข้ารอการตรวจ swab และหลายคนอาจจะต้องหยุดงานยาว8- 10 วันและต้องออกจากแนวรบไปอีกด้วย

 

 

นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า ผลตรวจswabของเมื่อวาน 202 คน มีผลเป็นบวกเช้านี้ถึง 43 คน เกือบทั้งหมดต้องรับเข้าดูแลรักษาในรพ ธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่มีเตียงว่างเหลืออีกแล้ว เว้นแต่จะสามารถส่งผู้ป่วยบางรายไปรพ.สนามได้ หรือมี ผู้ป่วยเสียชีวิตใน ICU ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน วันละหนึ่งถึงสองรายที่นี่

 

 

 

 

 

และวันนี้ ตู้คอนเทนเนอร์เก็บร่างผู้เสียชีวิตไว้ในห้องทำความเย็นศูนย์องศา ได้ถูกติดตั้ง และพร้อมใช้งานแล้วอีกสองตู้ ที่หน้าหน่วยนิติเวช และที่ศูนย์ธรรมศาสตร์ธรรมรักษ์ศักยภาพในเรื่องนี้ของเราเพิ่มจาก 14 ยูนิตเป็นmax capacity 50 ยูนิต แม้ว่าเราไม่อยากจะใช้ศักยภาพในเรื่องนี้เลย แต่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ในวิกฤตร้ายแรงที่เป็นอยู่ในแต่ละวันนี้

 

 

 

 

มีเรื่องที่พอจะไม่เป็นข่าวร้ายบ้าง ก็คือการรับผู้ป่วยเข้า Home Isolation ซึ่งวันนี้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 40 คน และมีส่วนทำให้ความกดดันจากจำนวนผู้ป่วยที่มากเกินล้นเตียงของโรงพยาบาล ลดลงไปได้ระดับหนึ่ง

 

 

ที่โรงพยาบาลสนามสถานการณ์ก็ยังคงหนักเหมือนเดิม จำนวนผู้ป่วยอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะรับมาใหม่ 42คน ส่งกลับบ้านได้ 18 คน และมียอดรวมอยู่ที่ 334 คน แต่มีผู้ป่วยที่มีอาการเปลี่ยนแปลง จากเขียวเป็นเหลือง จากเหลืองเป็นส้มที่เคยจำเป็นต้องพักนอนอยู่ที่นี่ต้องถูกส่งฉุกเฉินไปเพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาลหลักเกือบทุกคืน

 

 


วันนี้ที่ศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์ เราฉีดวัคซีนได้ต่อเนื่องเป็นวันที่สี่สิบ สามารถให้ภูมิคุ้มกันโดย Astra เพื่อให้ผู้คนมีโอกาสและมีความหวังที่จะมีชีวิตต่อสู้ต่อไปได้อีก 1,686คน รวมผู้คนที่ได้รับวัคซีนชนิดนี้จากเราไปแล้วกว่าเจ็ดหมื่นสองพันคน มีคนรอคิวนัดจากเราเหลือค้างอยู่อีกห้าหมื่นและทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อัตราการลงทะเบียนจองวัคซีนในแต่ละวันสูงขึ้นมาก เมื่ออัตราผู้ป่วยใหม่และอัตราการตายรายวันสูงขึ้นในสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เราจะให้ภูมิคุ้มกันที่นี่ได้ต่อถึงเพียงวันที่ 23 กรกฎาคม เท่านั้น และในวันที่ 24-28 กรกฎาคม รวมห้าวัน เราจำเป็นต้องประกาศหยุดการทำงานเพราะไม่มีใครมีวัคซีนส่งให้เราฉีดให้ประชาชนได้อีกแล้ว หวังว่าวันหยุดยาวห้าวันที่เราไม่มีวัคซีนจะฉีดให้นี้ไวรัสคงจะหยุดพักผ่อนไม่ระบาดไปมากกว่านี้นะ

 

 

การไม่มีความสามารถหาวัคซีนมาฉีดให้เพียงพอในภาวะที่มีคนตายจากโรคระบาดวันละร้อยกว่าศพ และคงจะเป็นสองร้อยศพในอีกไม่กี่วันกับมีคนป่วยใหม่ทะลุหลักหมื่นคนไปแล้ว ถ้าหากไม่สรุปว่าเป็นความล้มเหลว ความไร้ประสิทธิภาพและการ “ไม่สามารถทำงานได้เลย” ของรัฐบาล ที่เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มาปีเศษและเผชิญกับการระบาดร้ายแรงที่สมุทรสาครในเวปที่ 2 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว จะอธิบายเป็นอย่างอื่นกับศพผู้ป่วยโควิดที่ทับถมกันมากขึ้นในทุก ๆ วันได้อย่างไร

 


เราไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไปเจรจา ไปหาซื้อหรือไปสรรหาวัคซีนวิเศษชนิดใหม่ ๆ มาฉีดให้คนไทย ที่ล้วนแต่อยู่ในความประหวั่นพรั่นพรึงหรอก แต่เราอยากให้รัฐบาลได้ใช้อำนาจและทำหน้าที่ของรัฐบาล หน้าที่ของผู้ที่มีอำนาจในการอภิบาลรัฐ เจรจาตกลงให้บริษัทผู้ผลิตAstra Zeneca ซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่ในดินแดนและภายใต้อธิปไตยของไทย จะกราบไหว้อ้อนวอนก่อนก็ได้ ขอเพียงให้ได้วัคซีนมาสักเดือนละหกล้านโดส จาก 15 ล้านโดสต่อเดือนที่บริษัทผลิตได้ ให้มาใช้กับคนไทยก่อน แล้วที่เหลือจะส่งออกไปที่ไหนก็แล้วแต่บริษัท และถ้าบริษัทไม่ยอม หรือบริษัทไม่เห็นว่าชีวิตคนไทยสำคัญไปกว่าสัญญาซื้อขายวัคซีนที่เขามีกับประเทศอื่น ๆ ก็ขอร้องให้รัฐบาลไทยใช้อำนาจตาม พระราชบัญญัติความมั่นคงทางวัคซีน พ.ศ. 2561 มาตรา 18(2) ที่กำหนดให้รัฐมนตรีสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติมีอำนาจ เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุจำเป็นหรือเพื่อป้องกันการควบคุมหรือลดความรุนแรงของโรค

 

 

สามารถออกประกาศกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนไปนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวโดยให้เหมาะสมกับสัดส่วนการใช้วัคซีนในประเทศได้

 

 

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติก็ได้เสนอให้ออกประกาศเช่นนี้มาแล้ว เหลือแต่เพียงรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีซึ่งได้ออกพระราชกฤษฎีกาโอนอำนาจของ รมว.สาธารณสุข มาเป็นอำนาจของ นรม.แล้วเมื่อ 28 เมษายน 2562 ที่จะกล้าตัดสินใจเพียงแค่ “ออกประกาศกำหนด” ให้บริษัทส่งออกวัคซีนไปได้เฉพาะส่วนที่เกิน 6 ล้านโดส จากที่บริษัทเคยบอกว่าจะมีกำลังการผลิตได้เดือนละ 15 ล้านโดส เพื่อให้เอามาใช้กับคนไทยก่อน ไมได้ทำอะไรรุนแรง ถึงขนาดห้ามส่งออกต่างประเทศทั้งหมดเหมือนที่รัฐบาลอินเดียเคยทำเมื่อสองสามเดือนก่อนด้วยซ้ำ ขอให้ทำ เพื่อเห็นแก่ประชาชนที่ล้มตายลงไปในทุกๆวันเถิด

 

 

นายกรัฐมนตรีได้ออกพระราชกฤษฎีกาโอนอำนาจรักษาการตาม พรบ.นี้และพรบ.อื่นอีกสามสิบกว่าฉบับจากรมต. ต่าง ๆ มาเกือบสามเดือนแล้ว ถึงจะยังไม่ได้ใช้อะไรสักฉบับก็ไม่เป็นไร ขอให้ใช้อำนาจเพียงแค่ในเรื่องนี้เรื่องเดียว โดยเห็นแก่ชีวิตของผู้คนที่กำลังล้มตายเป็นใบไม้ร่วงมากขึ้นทุกวัน ๆ เห็นแก่ผู้เจ็บป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นวันละหมื่นกว่าคนเห็นแก่บุคลากรในระบบสาธารณสุขที่บาดเจ็บล้มตายลงไปทุกวันกับสถานการณที่ไม่มีวันรบชนะโดยไม่มีวัคซีนนี้ ขอเพียงเอาวัคซีน Astra มาใช้ในประเทศผู้ผลิตเอง ในชาติของเราเอง เพื่อประชาชนของเราเอง สักไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนผลิตได้จะได้หรือไม่ ทำไมเราจะต้องเกรงใจและทำไมเาจะต้องกลัวผลกระทบกระเทือนต่อฝรั่งเจ้าของบริษัทมากเหลือเกิน กลัวมากจนยอมให้คนไทยล้มตายมากมายไปทุก ๆ วันโดยเราจะงอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเลยหรอกหรือ

 

 

อนาคตจะต้องมีประเทศไทย และจะต้องมีคนไทยอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง