ชป.รับมือฝนตกหนัก หวังอานิสงส์เติมน้ำ 13 เขื่อนแล้ง ชี้เขื่อนอุบลรัตน์เหลือน้ำใช้ 6%
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 2- 5 ตุลาคมนี้ ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า กรมชลประทานได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน ให้ทุกโครงการชลประทานเฝ้าระวังติดตามปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 90% พร้อมบริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งพิจารณาปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ ตลอดจนติดตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา
นอกจากนี้ ยังได้เร่งรัดแผนการส่งน้ำฤดูแล้งปี 2563/2564 โดยเน้นย้ำให้โครงการชลประทานที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำแม่กลอง และลุ่มน้ำชี-มูล สำรวจพื้นที่เก็บกักน้ำ อาทิ แก้มลิง บ่อยืม พร้อมประเมินปริมาณน้ำที่สามารถเก็บกักได้ เพื่อนำมาวิเคราะห์และวางแผนการบริหารจัดการน้ำ
รายงานข่าวจากกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ระบุว่า แม้สถานการณ์ฝนตกต่อเนื่อง แต่ไทยยังคงมีเขื่อนที่มีระดับน้ำใช้การได้น้อยในระดับวิกฤตน้อยกว่า 30% มี 13 เขื่อนขนาดใหญ่ ได้แก่ เขื่อนลำแซะ เขื่อนกระเสียว เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนคลองสียัด เขื่อนแม่มอก เขื่อนทับเสลา เขื่อนลำนางรอง เขื่อนมูลบน เขื่อนบางพระ เขื่อนกระเสียว และ บึงบอระเพ็ด โดยเขื่อนอุบลรัตน์ เหลือใช้การน้อยที่สุด 6% และเขื่อนภูมิพล 13% ส่วนเขื่อนที่มีปริมาณน้ำเก็บกักมากในระดับวิกฤตมี 2 เขื่อน คือ เขื่อนหนองปลาไหล 95.59% และเขื่อนขุนด่านปราการชล 95.26%