สรุปสถานการณ์ "ฝุ่น PM 2.5" ตั้งรางวัลนำจับมือเผาป่า 1 หมื่นบาท

ไฟป่าที่ลุกลามขยายวงกว้าง ทำให้หลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ค่าฝุ่น PM2.5 ยังพุ่งสูงเกินมาตรฐานอยู่ในโซนสีแดง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ หนักสุดที่ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว 179 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รองลงมาที่ตำบลหางดง อำเภอฮอด 165 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
สถานการณ์ไฟป่าส่อเค้ารุนแรง เฉพาะในพื้นที่จังหวัดที่เชียงใหม่ พบจุดความร้อนหรือฮอตสปอตถึง 375 จุด มากสุดที่อำเภอฮอด 96 จุด ทำให้นายอำเภอฮอด ต้องออกประกาศตั้งรางวัลนำจับผู้เผาป่า โดยผู้ที่แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมดำเนินคดี จะได้เงินรางวัล 1 หมื่นบาท เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและป้องกันไฟป่า
ส่วนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง อำเภอฮอด พบฮอตสปอตหลายจุดกระจายเป็นวงกว้าง สาเหตุเกิดจากการเผาเพื่อหาของป่า หัวหน้าอุทยานฯ ต้องออกประกาศห้ามเข้าป่า ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน ยกเว้นกรณีเหตุจำเป็นให้ประสานผ่านผู้นำชุมชนเพื่อแจ้งขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่อุทยาน ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
ส่วนการเผาวัชพืชในพื้นที่เกษตรกรรมต้องมีการควบคุมไม่ให้ลุกลามเข้าป่า หากเกิดไฟป่าต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 - 20 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 4 แสนบาท ถึง 2 ล้านบาท
ด้าน จังหวัดลำปาง สภาพอากาศร้อนอบอ้าว โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเถิน อุณหภูมิสูงสุดในภาคเหนือวัดได้ 37.6 องศาเซลเซียส ยิ่งทำให้ไฟป่าลุกลามอย่างรวดร็ว จากสภาพพื้นที่และเชื้อเพลิงสะสมที่แห้ง กลุ่มควันจากการเผาไหม้ลอยสะสมในพื้นที่ทำให้สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงต่อเนื่อง
วานนี้ ศูนย์ป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ รายงานว่าพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ พบจุดความร้อนหรือจุดฮอตสปอต มากถึง 1,552 จุด มากสุดที่จังหวัดลำปาง 318 จุด ส่วนในวันนี้ (12 ก.พ.) พื้นที่จังหวัดลำปาง ยังพบไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นอีกกว่า 200 จุด กระจายในทั้ง 13 อำเภอ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเขตป่าสงวน และป่าอนุรักษ์ พื้นที่เกิดไฟป่ามาที่สุดได้แก่อำเภองาว 35 จุด แจ้ห่ม 30 จุด และอำเภอแม่พริก 29 จุด
ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงสุดอยู่ในพื้นที่ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง 123 ไมโครกรัมต่อลูกบาศ์กเมตร คุณภาพอากาศระดับสีแดงส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นวันที่ 3 ติอต่อกัน ส่วนพื้นที่อื่นๆ ยังอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ส่วนพื้นที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันจากไฟป่า ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง เริ่มกระทบต่อการบินพลเรือน แต่เที่ยวบินต่างๆ ยังคงขึ้น-ลงได้ตามปกติ
ค่าฝุ่น PM2.5 ที่ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน วัดได้ 73 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่อำเภอปาย วัดได้ถึง 105 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สาเหตุเกิดจากไฟป่าที่ลุกลามขยายวงกว้าง
ล่าสุดในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนพบจุดความร้อนจากไฟป่ารวม 173 จุด เพิ่มขึ้นจากวานนี้เกือบ 100 จุด และหากนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา เกิดไฟไหม้ป่าแล้ว 806 จุด
ด้าน ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานคุณภาพอากาศในพื้นที่ประเทศไทยทั่วทุกภูมิภาค พบว่าอยู่ในระดับคุณภาพดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ภาคเหนือตรวจพบฝุ่น PM2.5 วัดได้ระหว่าง 28 - 172 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
แบ่งเป็น โซนสีแดง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ 7 จุด ที่ ตําบลเวียง เชียงของ เชียงราย ตําบลแม่นะ อําเภอเชียงดาว และตําบลหางดง อําเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ตำบลลี้ อำเภอลี้ ลำพูน ตําบลเวียงใต้ อําเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตําบลบ้านต๋อม อําเภอเมือง จังหวัดพะเยา และ ตําบลพระบาท อําเภอเมืองลำปาง
นอกจากนี้ยังพบคุณภาพอากาศอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มส่งผลกระทบสุขภาพ 14 จุด ใน จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ สุโขทัย ตาก
ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 9 - 28 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนฉบับที่ 1 เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน ซึ่งจะมีผลกระทบในช่วงวันที่ 14 – 17 กุมภาพันธ์ นี้ ซึ่งมีปัจจัยจากความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนระลอกใหม่ จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ประกอบกับในช่วงวันที่ 16 – 17 กุมภาพันธ์ จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
โดยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 3 - 5 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตราย จากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง พร้อมขอให้ดูแลสุขภาพจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย