“สามารถ”จี้“ดีอีเอส-พลังงาน-สคบ.-ตร.”ลุยปราบสายรัดพลังงานลวงโลก ถ้ายังเฉยยุนายกฯ เปลี่ยนตัวผู้บริหาร
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเห็นเกี่ยวกับสายรัดพลังงานลวงโลก ว่า ตนเห็นข่าวนี้มาหลายวัน แต่ก็ไม่เห็นมีหน่วยงานรัฐหน่วยงานใดเข้าไปทลายแหล่งดังกล่าว ยังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของขบวนการเหล่านี้ ทั้งที่มีกฏหมายให้ดำเนินการได้ ไม่ว่าจะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และกระทรวงพลังงาน เป็นต้น หน่วยงานเหล่านี้ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบแสวงหาข้อเท็จจริง และปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงพ่อแม่พี่น้องประชาชน
“ส่วนตัวผมมองว่าสำหรับสายรัดพลังงานไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น มีเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว ทั้งบัตรแม่เหล็กลดพลังงาน ประหยัดไฟบ้าน เหรียญควอนตัมรักษาโรค มีมากมายที่เข้ามาหลอกลวงพ่อแม่พี่น้องประชาชน ตามที่ผมกล่าวข้างต้นว่าเหนือสิ่งอื่นใดวันนี้หน่วยงานของรัฐต้องแสวงหาข้อเท็จจริงและยุติการหลอกลวง เพราะสุดท้ายจะมีความเชื่อที่ผิดและสูญเสียเงิน บางคนหลงเชื่อเอาไปติดอาจจะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต่อยอดให้เกิดปัญหาเรื่องอื่นอีกในเรื่องความเชื่อที่ผิดๆ นั้น จึงไม่แปลกใจที่บางคนอาจจะไปอยู่ในเรื่องอาหารเสริม กินลดความอ้วนสุดท้ายก็มีข่าวเสียชีวิต”นายสามารถระบุว่า ตนคิดว่ากรณีสายรัดพลังงานนี้ ทางกระทรวงพลังงานจะต้องออกมารับผิดชอบ กระทรวงดีดีเอส เลขาธิการ สคบ. และ ผบ.ตร. ต้องลงมาดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิด
นายสามารถระบุว่า เรื่องการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เคยกำชับมาตลอดเวลาให้ปราบปรามการฉ้อโกง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เราปล่อยให้การบังคับใช้กฏหมายบกพร่องจึงเกิดการหลอกลวงพ่อแม่พี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ไม่แปลกใจที่ทำไมแก็งคอลเซ็นเตอร์ถึงระบาดรวดเร็ว เพราะคนมีอำนาจกลับไม่ทำหน้าที่ อ้างว่าทำไม่ได้ เพราะว่าอยู่ต่างประเทศ ผมว่าท่านนายกฯเปลี่ยนตัวคน วิธีการก็เปลี่ยนแล้ว
“วันนี้ผมขอเสนอว่าให้มีการแสวงหาข้อเท็จจริงโดยองค์กรหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฏหมายดูแลประชาชนว่า ควรเอาสายรัดพลังงานดังกล่าวมาทดสอบพิสูจน์หาความจริงว่าสามารถลดพลังงานได้จริงตามที่มีการโฆษณากล่าวอ้างว่าลดพลังงานได้ 30% หรือไม่ วันนี้ประชาชนบอบช้ำจากสภาวะเศรษฐกิจเพราะน้ำมันแพงอยู่แล้ว ดังนั้น ทุกคนจึงพยายามหาทางในการประหยัดพลังงาน แต่สุดท้ายอาจจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรอช้า ขอให้หน่วยงานที่บังคับใช้กฏหมายข้างต้นออกมาปกป้องพ่อแม่พี่น้องประชาชนตามนโยบายของนายกฯด้วย อย่าให้ประชาชนลองผิดลองถูกกันเองสุดท้ายเสียเงิน เสียรู้ เสียโอกาส ดังคำกล่าวว่า บ้านมีกฏบ้าน เมืองมีกฏเมือง ดังนั้นผมขอเป็นปากเป็นเสียงให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนส่งปัญหานี้ถึงนายกฯด้วยนะครับ”นายสมารถระบุ
นายสมารถระบุตอนท้ายว่า “4 หน่วยลุยได้เลย 1.สคบ 2.กระทรวงพลังงาน 3.กระทรวงดิจิทัลฯ 4.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้า 4 หน่วยงานนี้ไม่ขยับ นายกฯเปลี่ยนตัวคนทำได้เลย… เพราะความเดือดร้อนของพ่อแม่ประชาชนรอไม่ได้”