SMPCลั่นผลงานปีนี้โต20% เป้าขายถังแก๊ส7.5ล้านใบ
#SMPC #ทันหุ้น –SMPC ตั้งเป้ายอดขายปี 2566 โต 20% ลุยขายถังแก๊ส 7.5 ล้านใบ เชื่อมั่นความต้องใช้เพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดต่างประเทศเริ่มมีคำสั่งซื้อมากขึ้น พร้อมวางงบลงทุน 135 ล้านบาท เสริมกำลังการผลิต ขยายคลังสินค้า ส่งซิกไตรมาส 1/2566 ใกล้เคียงไตรมาส 4/2565 และเริ่มฟื้นกลับมาเป็นปกติตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC เปิดเผยว่า สำหรับแผนธุรกิจในปี 2566 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายเติบโตราว 20 % จากปี 2565 โดยมีเป้ายอดขายถังแก๊สจำนวน 7.5 ล้านบาทใบ และคิดเป็น 75% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ขณะที่เชื่อว่าจากสภาพภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว จะหนุนให้ผลประกอบการนั้นดีขึ้น
โดยการเติบโตจะมาจากทั้งถังขนาดใหญ่และถังขนาดเล็ก พร้อมขยายกำลังผลิตในส่วนของถังขนาดใหญ่และถังประเภทอื่นเพิ่มขึ้น ซึ่งยังมีความต้องการในตลาดอยู่อีกมาก และยังมีแผนบุกตลาดถังไฮแวลูเพิ่มขึ้นที่มีสัดส่วนแบ่งตลาดไม่มากนัก จะส่งผลให้อัตรากำไของบริษัทนั้นดีขึ้น
ด้านงบลงทุนในปี 2566 บริษัทได้วางงบประมาณไว้ที่ 135 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในการสร้างคลังในการจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูป รวมถึงการซ่อมบำรุงเครื่องจักรในกระบวนการผลิต ที่จะช่วยให้ภาพรวมของธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ทิศทางยอดขายในไตรมาสที่ 1/2566 นี้ คาดยอดขายน่าจะใกล้เคียงกับช่วงไตรมาสที่ 4/2565 และยอดขายจะเริ่มฟื้นกลับมาเป็นปกติ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2566 เป็นต้นไป
*ตลาดส่งออกฟื้น
นอกจากนี้ บริษัทยังมีกลุ่มลูกค้าตลาดในและต่างประเทศอีกด้วย ต้องจับตาค่าระวางเรือที่เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ เชื่อว่าจะหนุนให้ตลาดต่างประเทศ เริ่มมีคำสั่งซื้อกลับเข้ามามากขึ้น อาจจะใกล้เคียงเป็นปกติในช่วงก่อนโควิด โดยเฉพาะตลาดในอเมริกา ตลาดยุโรป
ส่วนตลาดตะวันออกกลางอย่างประเทศตุรกี และซาอุดีอาระเบีย เริ่มมีคำสั่งซื้อและติดต่อเข้ามาเพิ่มขึ้น สำหรับตลาดเอเชีย เช่น ศรีลังกา ปัจจุบันบริษัทได้ผ่านการประมูลงานในประเทศศรีลังกาแล้ว และจะเริ่มทยอยส่งงานในระยะถัดไป ขณะที่ตลาดบังกลาเทศเริ่มมีการติดต่อเข้ามาเช่นกัน โดยภาพรวมแล้ว บริษัทคาดว่าใน ปี 2566 จะเติบโตได้ดีขึ้นกว่า ปี 2565 อย่างแน่นอน
*ยอดขาย-กำไรโต
สำหรับผลประกอบการปี 2565 บริษัทมียอดขายรวมอยู่ที่ 5,248.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 697.67 ล้านบาท หรือ 15.3% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 4,550.35 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 828.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.9% จากปี 2564 ที่มีกำไร 727.78 ล้านบาท
โดยยอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการของลูกค้ายังคงมีอย่างต่อเนื่อง จากลูกค้าในทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลาง รวมถึงลูกค้าในประเทศ และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลให้บริษัทที่มียอดขายต่างประเทศกว่า 90% ได้ประโยชน์ในฐานะผู้ส่งออก ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
*จ่ายปันผล 0.40 บาท
นอกจากนี้ บริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.40 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 214,202,534 บาท รวมทั้งปี 2566 จ่ายในอัตรา 1.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับงวดครึ่งปีแรก 2565 ในอัตรา 0.60 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 10 เมษายน 2566 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 7 เมษายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 28 เมษายน 2566