กองทัพบกแจงเหตุหน้าปราสาทตาเมือนธม แค่ถกเถียงเสียงดัง ย้ำไม่มีเหตุรุนแรง

กองทัพบกยืนยัน เหตุหน้าปราสาทตาเมือนธมเป็นเพียงการถกเถียงเสียงดัง ไม่มีปะทะรุนแรง

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ตึงเครียดบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 โดยเป็นเพียงการถกเถียงเสียงดังระหว่างนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชารายหนึ่ง กับเจ้าหน้าที่ทหารไทยในพื้นที่ซึ่งเป็นชุดประสานงานที่ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณปราสาท

โฆษกกองทัพบกระบุว่า การพูดคุยด้วยเสียงที่ดังผิดปกติได้สร้างความตกใจให้กับนักท่องเที่ยวรายอื่นในบริเวณเดียวกัน ส่งผลให้ทหารของทั้งสองประเทศต้องเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างเร่งด่วน โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง หรือการเผชิญหน้าทางทหารแต่อย่างใด

คลี่คลายด้วยการเจรจา ไม่บานปลาย

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำการเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีอย่างสุภาพ และสามารถทำความเข้าใจกันได้โดยไม่มีปัญหาเพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมโดยหน่วยทหารในพื้นที่ หากมีข้อมูลคืบหน้า กองทัพบกจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง

ย้อนเหตุการณ์วุ่นวายที่หน้าปราสาท ก่อนสถานการณ์คลี่คลายในชั่วโมงเดียว

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 13.08 น. ของวันเดียวกัน มีรายงานว่าสถานการณ์บริเวณปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เกิดความตึงเครียดขึ้นชั่วคราว หลังนักท่องเที่ยวหญิงชาวกัมพูชาตะโกนกล่าวหาทหารไทยว่าล้ำแดน ทำให้เกิดความไม่พอใจและโต้เถียงอย่างรุนแรง

เหตุการณ์บานปลายเมื่อมีกำลังทหารกัมพูชาจำนวนเกือบหนึ่งกองร้อยวิ่งเข้ามาบริเวณบันไดทางขึ้นปราสาทฝั่งไทย ขณะที่ทหารไทยเข้าประจำจุดรักษาความสงบเช่นกัน มีรายงานว่ามีการผลักอก โต้เถียง และขับไล่กันในระดับเสียงที่สร้างความตื่นตกใจให้กับนักท่องเที่ยว

เพื่อความปลอดภัย ทหารไทยได้รีบนำนักท่องเที่ยวทั้งสองฝ่ายออกจากพื้นที่ทันที ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดประสานงานจะเปิดการพูดคุยจนสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติในเวลา 14.20 น.

แม่ทัพภาค 2 ยืนยันสถานการณ์ปกติ วอนอย่าตกใจ

แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า สถานการณ์ในพื้นที่ไม่มีเหตุรุนแรง เป็นเพียงความเข้าใจผิด และสามารถคลี่คลายได้ภายในเวลาไม่นาน โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมปราสาทตาเมือนธมได้ตามปกติ พร้อมขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล และอย่าตื่นตระหนกกับข่าวที่อาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน