ราคาน้ำมันกดดันอัตรากำไร บล.กสิกรไทยส่องหุ้นพลังงาน-ปิโตรเคมี
#ราคาน้ำมัน #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นกดดันอัตรากำไร
PTTEP, TOP, BCP, SPRC และ BSRC ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันและ GRM ที่สูงขึ้น
OR และ PTG ได้รับผลกระทบเชิงลบจากค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกที่ลดลง ขณะที่ SCC, PTTGC และ IRPC ได้รับผลกระทบเชิงลบเช่นกันจากส่วนต่างราคาอนุพันธ์โอเลฟินที่ลดลง
IVL ได้รับผลกระทบเชิงลบเช่นกันจากอัตรากำไรของ PET/PTA รวมที่ลดลง บล.กสิกรไทยคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลง แต่ GRM น่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
Industry highlights
ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบดูไบและแนฟทาพุ่งสูงขึ้นอย่างมากรายการละ 7-8% WoW เนื่องจากตลาดกำลังติดตามผลกระทบจากพายุเฮอริเคนที่มีต่อปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ในอ่าวเม็กซิโก และการหยุดชะงักของอุปทานหากอิสราเอลโจมตีแหล่งน้ำมันของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม บล.กสิกรไทยคาดว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลงในสัปดาห์นี้ เนื่องจากอิสราเอลยังไม่ได้ตอบโต้อิหร่าน
GRM ฟื้นตัว แต่ค่าการตลาดน้ำมันขายปล็กลดลง เนื่องจากอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปลดลงจากการลดกำลังการผลิด ทำให้ Singapore GRM ปรับตัวขึ้น 0.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 2.9 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ค่าการตลาดขายปลีกน้ำมันดีเซลลดลง 0.30 บาท เป็น 1.70 บาท/ลิตร ทั้งนี้ บล.กสิกรไทยคาดว่าค่าการกลั่น (GRM) จะยังคงอ่อนแอ เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีชั่นของอุปสงค์ ในขณะเดียวกัน ค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกน่าจะปรับดีขึ้นในสัปดาห์นี้จากการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีภัณฑ์เกือบทุกรายการปรับตัวลง เนื่องจากแรงกดดันด้านต้นทุนวัดถุดิบที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อนุพันธ์โอเลฟินส์ทุกรายการจึงลดลง 8-13% WoW แต่ส่วนต่างราคา PX ฟื้นตัวขึ้น 8% WoW จากอุปทานที่ลดลง ขณะที่ส่วนต่างราคา PET/PTA รวมลดลง 25% WoW จากแรงกดดันด้านต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น บล.กสิกรไทยคาดว่าส่วนต่างราคาปิโตรเคมีภัณฑ์ทุกรายการจะยังคงอ่อนแอในช่วงที่มีความต้องการใช้ต่ำ