จีนทำลายสถิติการส่งออกรถยนต์มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก

ในปี 2023 จีนก้าวขึ้นมาเป็นผุ้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกแซงหน้าญี่ปุ่นและอาจเป็นจุดสิ้นสุดของทศวรรษแห่งความรุ่งเรืองของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศจีนกำลังปรับปรุงเทคโนโลยี การออกแบบ และกระบวนการผลิต เพิ่มส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคใหม่ และแก้ไขปัญหาการรับรู้ของแบรนด์รถยนต์จีนในตลาดยุโรป อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางการเมืองและความท้าทายด้านกฎระเบียบยังคงเป็นข้อกังวลสำหรับผู้ผลิตชาวจีนในขณะที่พวกเขาสำรวจตลาดต่างๆ ทั่วโลก

จุดเด่นของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศจีนอยู่ที่การใช้ต้นทุนในการผลิตที่น้อยกว่า ทำให้ราคาจำหน่ายถูกว่ารถยนต์ที่ผลิตจากประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศจีนเป็นผู้ผลิตแร่ลิเธียม วัตถุดิบสำคัญในการใช้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมไปถึงค่าจ้างแรงงานที่ต่ำกว่าในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา

โดยจำนวนการส่งออกรถยนต์จีนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ตามการรายงานจาก The Financial Times 

ปี 2019 มียอดการส่งออกรถยนต์ 2,070,000 คัน 

ปี 2020 มียอดการส่งออกรถยนต์ 2,530,000 คัน

ปี 2021 มียอดการส่งออกรถยนต์ 2,620,000 คัน

ปี 2022 มียอดการส่งออกรถยนต์ 3,100,000 คัน

ปี 2023 มียอดการส่งออกรถยนต์ 4,400,000 คัน 

ปัจจุบัน ค่ายรถยนต์ในประเทศจีน เช่น  SAIC Motor และ Chery อยู่ในอันดับที่หนึ่งและสองในแง่ของขนาดการส่งออก แม้ว่า BYD และ Geely จะเพิ่มจำนวนการส่งออกก็ตาม กลยุทธ์ในปัจจุบันของ BYD คือการเข้าสู่ตลาดที่มีความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดที่มีการลดภาษี การลดภาษีซื้อ หรือเงินอุดหนุน ด้วยการร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายในต่างประเทศที่มีประสบการณ์ 

สำหรับแผนการอนาคต ค่ายรถยนต์ในประเทศจีนหลายบริษัทเริ่มขยายไปยังตลาดยุโรปเพิ่มมากขึ้น แม้ประสบปัญหาการจดจำแบรนด์และความนิยมรถยนต์จากประเทศจีน รวมไปถึงการขยายตลาดไปยังรัสเซียและเอเชียกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสมากมายให้กับรถยนต์แบรนด์ใหม่ ๆ โดยในปี 2023 รถยนต์จากประเทศจีนครองส่วนแบ่งตลอดใหญ่ที่สุดในรัสเซีย

ที่มาของข้อมูล The Financial Times