DELTA ประกาศงบพรุ่งนี้ โบรกฯ คาดกำไร Q3 ที่ 6.2 พันลบ. แห่เพิ่มประมาณการปี68-69

#DELTA #ทันหุ้น-บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA คาดว่าจะประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 3/68 ในวันพรุ่งนี้(24 ต.ค.2568) ซึ่งโบรกเกอร์หลายแห่งได้คาดการณ์งบไตรมาส 3/68 จะมีกำไรอยู่ที่ 4.9 ถึง 6.2 พันล้านบาท ขณะเดียวกันได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568-2569 ขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง พร้อมกับประเมินราคาเป้าหมาย อย่างไรก็ตามโบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะนำขาย เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันแพงและเกินกว่าราคาเป้าหมายแล้ว
บล.เอเซีย พลัส คาดว่า DELTA จะมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% QoQ และเพิ่มขึ้น 5% YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดขายจะทำสถิติสูงสุดใหม่ เป็น 1.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% QoQ และเพิ่มขึ้น 23% YoY หรือ 4.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น10% QoQ, เพิ่มขึ้น 13% YoY โดยเฉพาะสินค้าเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูง,
นอกจากนี้อัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/68 เป็น 27.7% จาก 25.0% ในไตรมาส 2/68 ตามสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ ที่สร้างมาร์จิ้นสูง และปัจจัยสุดท้าย ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายพิเศษเป็นจำนวนสูงอย่างในไตรมาสก่อนหน้า ที่มีค่าใช้จ่ายในการยุติข้อพิพาททางคดีความในสหรัฐ, การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2568-2569 ของ DELTA ขึ้นจากเดิมเฉลี่ยราว 11% และได้ปรับ PER ขึ้นจากเดิมที่ 52.1 เท่า (-1.0 S.D) เป็น 77.1 เท่า (+1.0 S.D) เพื่อสะท้อนกำไรที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2568 และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 175 บาท
ปรับคำแนะนำขึ้นจากเดิม “Underperform” เป็น “Neutral” สำหรับ DELTA แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะสูงกว่าราคาเป้าหมาย แต่สามารถเก็งกำไรได้จาก 1) ระยะสั้นมีปัจจัยผลักดันราคาหุ้นจากกำไรที่คาดจะออกมาดีใน 3Q68 และ 2) อุตสาหกรรม AI / ดาต้าเซ็นเตอร์ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อไปในระยะยาว ส่งผลดีต่อความต้องการชิปที่ทรงพลัง รวมทั้งสินค้าเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทให้สูงขึ้นตามไปด้วย
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) คาดว่า DELTA จะมีกำไรปกติงวดไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตมาจากยอดขายที่แข็งแกร่ง และคาดแนวโน้มกำไรปกติงวดไตรมาส 4/68 ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง และเป็นจุดสูงสุดของปี โดยมีปัจจัยหนุนจากสินค้ากลุ่ม Liquid Cooling โดยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2568-2569 ขึ้น 3% และ 8% ตามลำดับ โดยคาดกำไรปกติปี 2569 ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% YoY
กลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำเป็นขาย ให้ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2569 ที่ 120 บาทต่อหุ้น โดยราคาหุ้นซื้อขายบนพี/อี เรโช ปี 2569 ที่ 82 เท่า ไม่ใช่ระดับที่เหมาะสมที่จะเข้าลงทุน
บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) คาดว่า DELTA จะมีกำไรจากธุรกิจหลักในไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท ลดลง 11% YoY แต่เพิ่มขึ้น 23% QoQ จากยอดขายกลุ่ม AI data center ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักในงวด 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 1.51 หมื่นล้านบาท ลดลง 6% YoY และคาดยอดขายไตรมาส 3/68 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 24% YoY และเพิ่มขึ้น 13% QoQ ทำให้ยอดขายในงวด 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 4.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% YoY
ทั้งนี้ product mix ที่ดีน่าจะมีน้ำหนักมากกว่าการแข็งค่าของเงินบาท จึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 25.6% ในขณะที่คาดว่าจะคุมสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายไว้ที่ 13% เพราะไม่มีการต่อรองค่า royalty fee ใหม่อีก สำหรับแนวโน้มในครึ่งหลังปี 2568 และปี 2569 ดูสดใสกว่าที่มองไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ทบทวนสมมติฐานของ DELTA ใหม่ ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไร 2568-2569 ขึ้นอีก 4-8%
แม้ว่า DELTA จะได้อานิสงส์จากกระแส AI แต่ราคาหุ้นในปัจจุบันแพงมากแล้ว โดยคิดเป็นพี/อี เรโช ที่ประมาณ 100 เท่า ดังนั้นจึงแนะนำขาย ให้ราคาเป้าหมายที่ 130 บาท
บล.เมย์แบงก์(ประเทศไทย) แนะนำขายหุ้น DELTA แต่ได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 109 บาทจากเดิม 63 บาท หลังได้ปรับประมาณการกำไรหลักปี 2568-2569 ขึ้น 17% และ 21% เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด ขณะเดียวกันคาดว่าในไตรมาส 3/68 จะมีกำไรหลักอยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท ลดลง 17% YoY และเพิ่มขึ้น 6% QoQ การลดลงมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง เนื่องจากไม่มีการรับรู้กำไรจากการตีมูลค่าสินค้าคงคลังขนาดใหญ่เหมือนปีก่อน ส่วนกำไรที่เติบโต QoQ มาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และสัดส่วนผลิตภัณฑ์ AI ที่สูงขึ้น ส่วนแนวโน้มกำไรหลักไตรมาส 4/68 คาดว่าจะอยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 164% YoY และเพิ่มขึ้น 10% QoQ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
