รีเซต

'ปวีณา'ช่วยสาวเมืองแพร่ ถูกผัวขี้ยาทำร้าย ล่ามโซ่ผูกคอขังในบ้านนาน 3 วัน

'ปวีณา'ช่วยสาวเมืองแพร่ ถูกผัวขี้ยาทำร้าย ล่ามโซ่ผูกคอขังในบ้านนาน 3 วัน
มติชน
5 สิงหาคม 2563 ( 18:52 )
137
'ปวีณา'ช่วยสาวเมืองแพร่ ถูกผัวขี้ยาทำร้าย ล่ามโซ่ผูกคอขังในบ้านนาน 3 วัน

“ปวีณา” ประสานช่วยสาวเมืองแพร่ ถูกผัวขี้ยาทำร้ายสะบักสะบอม ใช้โซ่ล่ามสุนัขผูกคอเมียกักขังในบ้าน 3 วัน เหตุเพราะหึงหวงกลัวไปมีชายอื่น พอผัวเผลอหลับ ปล่อยออกมาซักผ้าแอบหอบลูกน้อย 2 คน หนีมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี ก่อนร้องมามูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ต.อ.ชลทฤษ ชัชวาลย์ ผกก.สภ.ช่อแฮ จ.แพร่ รายงานมายังนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช่อแฮ ได้จับกุมตัวนายเอก (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ในข้อหา เสพยาเสพติด, ทำร้ายร่างกาย และพ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และตำรวจจะคุมตัวไปฝากขังศาลจ.แพร่ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

สืบเนื่องจากวันอังคารที่ 4 สิงหาคม พลเมืองดีได้ให้ความช่วยเหลือนางนุช (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี กับลูกชายและลูกสาว 2 คน อายุ 4 ขวบ กับ 1 ขวบ หลังนางนุชพาลูกหนีออกจากบ้านมา เพราะ 3 วันก่อนถูกนายเอก สามีที่ติดยาเสพติดทำร้ายร่างกายและใช้โซ่ล่ามสุนัขผูกคอนางนุชกักขังไว้ให้อยู่แต่ภายในบ้าน สาเหตุมาจากเรื่องหึงหวงเกรงว่านางนุชจะไปมีผู้ชายอื่น ทำให้นางนุชมีสภาพเขียวช้ำตามตัวและมีร่องรอยถูกรัดที่ลำคอเป็นรอยช้ำแดง จนกระทั่งวันที่ 3 ของการถูกล่ามโซ่นายเอกยอมถอดโซ่ให้นางนุชออกไปซักผ้าหน้าบ้าน ส่วนนายเอกเมายาก็นั่งเฝ้าแต่ได้เผลอนอนหลับไป นางนุชจึงรีบหอบลูก 2 คน หนีออกมาได้ และนางนุชไม่กล้ากลับไปที่บ้านของพ่อแม่เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากได้ข่าวว่านายเอกโกรธมากกำลังออกตามหาตัวอยู่ ทั้งนี้นางนุชได้เข้าแจ้งความแล้วที่ สภ.ช่อแฮ และขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี

หลังรับเรื่องนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.ชลทฤษ ชัชวาลย์ ผกก.สภ.ช่อแฮ ขอให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างรวดเร็วจับกุมนายเอกได้ภายใน 1 วัน พร้อมกันนี้นางปวีณา ยังได้ประสาน นายประสิทธิ์ มะโนกิจ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจ.แพร่ ช่วยรับนางนุชและลูก 2 คน เข้ารับการคุ้มครองและฟื้นฟูสภาพจิตใจที่บ้านพักเด็กฯ แพร่ ซึ่งหลังจากนี้มูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามการช่วยเหลือต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง