บุกทลายโกดังเครื่องสำอางปลอม เสี่ยงอันตราย

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการทลายโกดังเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมปลอมแบรนด์ดัง ที่ลักลอบจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในพื้นที่เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดของกลางรวมกว่า 118,455 ชิ้น มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เตือนผู้บริโภคระวังอันตรายจากการใช้สินค้าปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน

ปฏิบัติการครั้งนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) หลังได้รับเบาะแสจากบริษัท 88 (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ว่ามีการจำหน่ายแชมพูสมุนไพรยี่ห้อ “ไลโอ” ปลอมเป็นจำนวนมากบนแพลตฟอร์มออนไลน์

จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่พบว่ามีการลักลอบนำเครื่องสำอางปลอมจากต่างประเทศมาเก็บไว้ในโกดังพื้นที่เขตสายไหม เพื่อรอจัดส่งให้ลูกค้า โดยเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 เจ้าหน้าที่นำหมายค้นศาลอาญาและศาลอาญามีนบุรี เข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 2 จุด สามารถตรวจยึดของกลาง อาทิ แชมพูและผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมยี่ห้อไลโอปลอม เครื่องสำอางแบรนด์ดังหลายยี่ห้อ รวมถึงสติ๊กเกอร์ ฉลาก และอุปกรณ์สำหรับปลอมแปลงสินค้า รวมทั้งสิ้นกว่า 118,455 ชิ้น

การสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ผู้เช่าโกดังเป็นชาวจีน ใช้วิธีโฆษณาขายสินค้าปลอมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ มียอดจำหน่ายวันละประมาณ 500–1,000 ชิ้น ทำมาแล้วราว 6 เดือน โดยมีการเปลี่ยนชื่อร้านและสับเปลี่ยนบัญชีรับเงินอยู่ตลอด เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ฐานขายเครื่องสำอางปลอม และพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม พร้อมนำของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการตัดวงจร “ภัยเงียบ” ที่แฝงมากับการซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมเป็นสินค้าที่สัมผัสร่างกายโดยตรง หากใช้สารเคมีที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ผมร่วง หรือสารพิษสะสมในระยะยาว

พร้อมฝากเตือนประชาชน ก่อนสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ควรตรวจสอบแหล่งที่มา อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาหรือราคาที่ถูกผิดปกติ หากพบเบาะแสการจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ “ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค” ได้ตลอดเวลา