ซีพีเอฟ จับมือ สิงห์ ครั้งแรก ขยายฐานคนรุ่นใหม่สายปาร์ตี้ ส่งโบโลน่าพริก กินแกล้มเครื่องดื่ม

น.ส.อนรรฆวี ชูรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาดกลาง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่าจากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภค พบว่า คนรุ่นใหม่ชื่นชอบการสังสรรค์นิยมรับประทานซีพีโบโลน่าพริก เป็นกับแกล้มร่วมกับเครื่องดื่มอยู่แล้ว ทำให้เป็นครั้งแรกที่ ซีพีเอฟ ได้ร่วมกับบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มสิงห์ เปิดตัวแคมเปญ "สายดื่ม...ต้องมี ซีพี โบโลน่าพริก" เพื่อสร้างพฤติกรรมใหม่ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการสังสรรค์ในโอกาสต่างๆ โดยให้โบโลน่าพริก เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ

พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ "มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์" นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังที่มาแรงทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการดื่มและรับประทานของทานเล่น รวมถึงยังเพิ่มความถี่ในการบริโภคสำหรับฐานลูกค้าเดิมด้วย โดยบริษัทได้วางงบการตลาดไว้ที่ 50 ล้านบาท ตลอดแคมเปญนี้ระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งในช่วงเดือนเม.ย. ซีพีเอฟ เตรียมจัดกิจกรรมในโลกเสมือนจริง (เมทาเวิร์ส) กับมิว-ศุภศิษฏ์ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายซีพี โบโลน่าพริก ได้มากกว่า 10%
“ซีพี โบโลน่าพริก เป็นอาหารทานเล่นนะหว่างมื้อ ซึ่งยอดขายดีต่อเนื่องอยู่แล้วสำหรับทุกเพศทุกวัย แต่การทำแคมเปญร่วมกับสิงห์ครั้งนี้พร้อมได้มิว -ศุภศิษฏ์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อขยายฐานลูกค้าวัยรุ่นและดึงโอกาสของการสังสรรค์ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง ซึ่งขาดไม่ได้ที่จะต้องมีเครื่องดื่มและของทานเล่น โดยคาดหวังให้ซีพี โบโลน่าพริก เป็นท็อปออฟมายด์ ที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้คิดถึงก่อนเป็นอันดับแรก”น.ส.อนรรฆวี กล่าว

ด้านน.ส.รรณทิพย์ ลีตะชีวะ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ สิงห์ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มสิงห์ (SINGHA) กล่าวว่าสำหรับเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สิงห์มีสินค้าที่หลากหลาย ทั้งที่เป็นกลุ่มโซดาและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของทานเล่นและกับแกล้มถือเป็นของคู่กัน ซึ่ง เชื่อว่าการร่วมมือในแคมเปญนี้ จะได้การตอบรับจากผู้บริโภคที่หลากหลายพร้อมทั้งยังช่วยขยายฐานลูกค้าและทำให้ยอดขายเครื่องดื่มสิงห์ โดยเฉพาะเลมอนโซดา ซึ่งในช่วงฤดูร้อนเครื่องดื่มในกลุ่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ที่เดิมมีการเติบโตอยู่แล้ว 8-10% และเมื่อมีแคมเปญร่วมกับซีพี โบโลน่าพริก และซีพี ออลล์ เซเว่น-อีเลฟเว่น จะยิ่งทำให้ยอดขายมีการเติบโตได้อีกไม่น้อยกว่า 20-30% อย่างแน่นอน