ออสเตรเลียล็อกดาวน์ขั้นสูงสุด หลังซิดนีย์-เมลเบิร์น-บริสเบน ยอดติดพุ่ง
Australia: ออสเตรเลียล็อกดาวน์ขั้นสูงสุด หลังซิดนีย์-เมลเบิร์น-บริสเบน ยอดติดพุ่ง ทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง จาก ‘Delta’ จนต้องกลับไปใช้มาตรการเข้มข้น
สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในนครซิดนีย์ของออสเตรเลียยังคงรุนแรง วันนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิต 5 รายและยอดผู้ติดเชื้อภายในท้องถิ่นเพิ่มสูงสุดเป็นสถิติใหม่ แม้ว่าจะยังคงอยู่ในภาวะการล็อกดาวน์เข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ Delta ที่ติดต่อได้ง่าย
เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ 262 ราย ในจำนวนนี้พบในนครซิดนีย์ 259 ราย ถือเป็นยอดรายวันสูงสุดของทั้งนครซิดนีย์และรัฐนิวเซาท์เวลส์
ส่วนในจำนวนผู้เสียชีวิต 5 คนที่พบล่าสุดในวันนี้ มี 4 คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน พร้อมกับขอร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังประกาศล็อกดาวน์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้ (5 สิงหาคม) ในพื้นที่ทางตอนเหนือของนครซิดนีย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตเมืองนิวคาสเซิล เมืองใหญ่อันดับ 2 ในรัฐนี้ หลังจากมีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่หลายคน และยังพบเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ ในระบบน้ำทิ้งของเมืองนี้ด้วย
จนถึงขณะนี้ พบผู้ติดเชื้อในรัฐนิวเซาท์เวลส์แล้วมากกว่า 4,300 ราย ในช่วงการระบาดระลอกใหม่ที่เริ่มขึ้นเมื่อ 7 สัปดาห์ก่อน หลังจากพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ Delta รายแรก ซึ่งเป็นคนขับรถลีมูซีนรับส่งลูกเรือของสายการบินต่างชาติ คนขับรถรายนี้ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนและไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยในระหว่างที่ขับรถด้วย
ขณะเดียวกัน ทางการรัฐวิกตอเรีย รัฐใหญ่อันดับสองของออสเตรเลียรองจากรัฐนิวเซาท์เวลส์ ที่มีประชากรกว่า 6 ล้านคน และมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก เตรียมเข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์รอบที่ 5 เป็นเวลา 7 วันตั้งแต่เย็นวันนี้ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 8 ราย
จากคำสั่งดังกล่าวส่งผลให้ 3 เมืองใหญ่ที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย ทั้งซิดนีย์ เมลเบิร์น และบริสเบน ต้องเข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์แบบเข้มข้นพร้อมกันตั้งแต่วันนี้ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศมูลค่า ล้านล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย อาจต้องกลับไปสู่ภาวะชะลอตัวเป็นครั้งที่สองในช่วงเวลาไม่กี่ปี