รีเซต

ทำจริง เปลี่ยนจริง : ซีพีคว้า 7 รางวัลลดคาร์บอน พร้อมการรับรองระดับโลกจาก SBTi

ทำจริง เปลี่ยนจริง : ซีพีคว้า 7 รางวัลลดคาร์บอน พร้อมการรับรองระดับโลกจาก SBTi
TNN ช่อง16
7 มิถุนายน 2568 ( 18:17 )
10

ทำจริง เปลี่ยนจริง : ซีพีคว้า 7 รางวัลลดคาร์บอน พร้อมการรับรองระดับโลกจาก SBTi

ในช่วงสัปดาห์ของวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งทั่วโลกต่างตระหนักถึงความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ตอกย้ำจุดยืนขององค์กรไทยที่ขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ ด้วยการคว้า 7 รางวัลคุณภาพด้านการจัดการคาร์บอน จากเวที Thailand–Japan Decarbonization Awards 2025 (TJDA) และการได้รับการรับรองเป้าหมายลดคาร์บอนจากโครงการ Science Based Targets initiative (SBTi) อย่างเป็นทางการ

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า เครือฯ มุ่งมั่นเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างจริงจัง ผ่านการยกระดับระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กรในทุกมิติ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด "สร้างคุณค่าร่วม" กับทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้การลดคาร์บอนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรและเกิดผลลัพธ์เชิงบวกในวงกว้าง


“เราเชื่อว่า ภาคธุรกิจต้องเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เพียงแค่การตั้งเป้าหมาย แต่ต้องลงมือทำอย่างต่อเนื่องและวัดผลได้จริง" นายศุภชัยกล่าว พร้อมระบุว่า การจัดตั้ง CPG Carbon Council, การพัฒนา Supplier Academy และ Carbon Dashboard ล้วนเป็นกลไกที่สนับสนุนให้เป้าหมาย Net Zero ของซีพีเกิดขึ้นได้จริง


ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า รางวัลคุณภาพด้านการจัดการคาร์บอน Thailand–Japan Decarbonization Awards 2025 และการได้รับการรับรองเป้าหมายลดคาร์บอนจากโครงการ Science Based Targets initiative (SBTi) ในครั้งนี้ เป็นผลจากการดำเนินการตามนโยบายของซีอีโอ ที่ได้กำหนดให้ Net Zero เป็นเป้าหมายระยะยาวขององค์กร พร้อมเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและความร่วมมือใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง


รางวัล Thailand–Japan Decarbonization Awards 2025 (TJDA)  เป็นรางวัลด้านการจัดการคาร์บอน ก่อกำเนิดขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย–ญี่ปุ่น) หรือ ส.ส.ท. ร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและเชิดชูองค์กรที่มีนวัตกรรมในการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม โดยรางวัลสูงสุดมี 3 รางวัลเป็นถ้วยรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1 รางวัล  ถ้วยรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 1 รางวัล และถ้วยรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 1 รางวัล  นอกจากนี้ยังมีรางวัล Gloden Award ที่มอบให้แก่ผลงานที่ทำสำเร็จแล้ว จำนวน 11 รางวัล และประกาศนียบัตรอีก  4 รางวัลแก่ผลงานแนวคิดที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ


ในการนี้ซีพีได้รับ “ถ้วยรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม”  สำหรับโครงการ "เปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน" ซึ่งดำเนินการโดย สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล และสื่อสารองค์กร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด โครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเครือฯ ในการขับเคลื่อนเป้าหมาย สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) อย่างเป็นระบบ โดยดำเนินการครอบคลุมทั้ง 14 กลุ่มธุรกิจใน 21 ประเทศทั่วโลก เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และพร้อมเป็นต้นแบบของภาคเอกชนในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม

ความสำเร็จของโครงการเกิดจากการลงมือปฏิบัติจริงในหลากหลายมิติ อาทิ  การติดตั้งโซลาร์รูฟมากกว่า 1,400 จุดทั่วประเทศ ช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ,การส่งเสริมการปลูกข้าวคาร์บอนต่ำ ผ่านเทคนิค นาเปียกสลับแห้ง และการใช้ปุ๋ยสั่งตัดตามค่าความต้องการของพืช ซึ่งลดการปล่อยก๊าซมีเทนและไนตรัสออกไซด์ในภาคการเกษตร ,การพัฒนาแอปพลิเคชัน “CPG Carbon Platform” สำหรับสนับสนุนเกษตรกรและคู่ค้าให้สามารถบริหารจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้อย่างแม่นยำ , การเปลี่ยนระบบขนส่งสู่พลังงานสะอาด ด้วยการนำรถขนส่งไฟฟ้า (EV) และระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการจัดจำหน่าย และการจัดเวทีความร่วมมืออย่างต่อเนื่องผ่าน Sustainability Forum กับคู่ค้ากว่า 20,000 ราย ตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การดำเนินงานภายใต้โครงการนี้ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการเป็นองค์กรธุรกิจชั้นนำที่ไม่เพียงมุ่งเน้นผลประกอบการทางเศรษฐกิจ แต่ยังให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการมีส่วนร่วมในการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศของโลกอย่างจริงจัง

นอกจากนี้ บริษัทในเครือซีพีได้รับรางวัล TJDA อีก 6 โครงการ ได้แก่: 1.  โครงการ "ต้นแบบการจัดการพลังงานสะอาดครบวงจรเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน" โดย บริษัท อัลเตอร์วิม จำกัด (Altervim) ได้รับถ้วยรางวัลจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 2.  โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emission) Makro นครราชสีมา ระยะที่ 1 โดย บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลประเภท Gloden Award 3.  โครงการระบบ Biogas ขั้นสูง โดย บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ นครราชสีมา ได้รับรางวัลประเภท Gloden Award  4.โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Makro ปิ่นเกล้า โดย บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)ได้รับประกาศนียบัตร 5.  ศูนย์อัจฉริยะด้านพลังงาน โดย บริษัท อัลเตอร์วิม จำกัด ได้รับประกาศนียบัตร 6.  โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน Makro สาขานครราชสีมา 2 โดย บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ได้รับประกาศนียบัตร

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เครือซีพียังได้รับการรับรองเป้าหมายลดคาร์บอนจาก Science Based Targets initiative (SBTi) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระดับโลกขององค์กรด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ CDP, UN Global Compact, WRI และ WWF โดยการรับรองนี้ยืนยันว่า เป้าหมายของซีพีสอดคล้องกับความพยายามของโลกในการควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกิน 1.5°C เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ครอบคลุม Scope 1, 2 และ 3 อย่างครบถ้วน ตามมาตรฐาน GHG Protocol พร้อมระบบรายงานผลที่โปร่งใสและเชื่อถือได้ ซึ่งเครือซีพีได้รับการรับรองเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ 

เป้าหมายระยะสั้น (Near-term Targets) ภาคพลังงานและอุตสาหกรรม เครือซีพีมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 ลง 42% ภายในปี 2030 เทียบกับปีฐาน 2021 พร้อมทั้งลดการปล่อยในขอบเขตที่ 3 อีก 25% ในช่วงเวลาเดียวกัน ภาคการเกษตรและป่าไม้ ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 3 สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินลง 30.3% ภายในปี 2030 จากปีฐาน 2021 


เป้าหมายระยะยาว (Long-term Targets) ภาคพลังงานและอุตสาหกรรม ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 ลงถึง 90% ภายในปี 2050 จากปีฐาน 2021 และลดการปล่อยในขอบเขตที่ 3 อีก 90% ในระยะเวลาเดียวกัน ภาคการเกษตรและป่าไม้ วางเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในขอบเขตที่ 1 และ 3 ลง 72% ภายในปี 2050 จากปีฐาน 2021


ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า ความเคลื่อนไหวของซีพีในช่วงเวลาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เพียงเรื่องของรางวัลหรือการรับรอง แต่คือบทพิสูจน์ว่า "องค์กรไทยก็สามารถเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมในระดับโลกได้"

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง