รีเซต

'ประภัตร' แจงปมหมูแพง เพราะกลไกตลาด ยืนกราน รบ.ไม่เคยปกปิดข้อมูลโรคระบาด

'ประภัตร' แจงปมหมูแพง เพราะกลไกตลาด ยืนกราน รบ.ไม่เคยปกปิดข้อมูลโรคระบาด
มติชน
17 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:19 )
48
'ประภัตร' แจงปมหมูแพง เพราะกลไกตลาด ยืนกราน รบ.ไม่เคยปกปิดข้อมูลโรคระบาด

‘ประภัตร’ ลุกแจงปมหมูแพง ย้ำไม่ใช่เพราะหมูป่วยเป็นโรคทำหมูราคาแพง แต่มีกระบวนการบิดเบือนกลไกตลาดทำให้แพง ยัน รบ.ไม่เคยปกปิดข้อมูลโรคระบาด ตรงกันข้ามหาทางแก้ไขเปิดเผยมาโดยตลอด

 

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เป็นวันแรกนั้น

 

เวลา 18.00 น. นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า เรื่องแรก ท่านเข้าใจว่าเรื่องโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) มีมานานแล้ว แต่ถูกปกปิด ข้อเท็จจริงแล้วเราได้รับข้อมูลอย่างชัดเจนจากการพบหมูลอยน้ำที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย วันที่ 5 สิงหาคม 2562 เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เราเดินทาทงไปที่ท่าเรือพาณิย์เชียงแสนทันทีพร้อมเรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นเราจึงออกมาตรการทันทีร่วมกับผู้เลี้ยงสุกร ปิดพรมแดนในการเคลื่อนย้ายหมู และเอาหมูทั้ง 12 ตัว เข้าห้องแล็บ และพบว่ามีเชื้อ อย่างไรก็ตาม ตามหลักสากลเรามีกระบวนการในการหยุดยั้งการแพร่เชื้อ เราจึงต้องทำลายหมูในบริเวณใกล้เคียง รัศมี 5 กิโลเมตร ซึ่งทำให้เราชะลอเรื่องมาได้ เราไม่ได้ปิดบังเลย ทั้งยังตั้งคณะกรรมการมา ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรฯ มหาดไทย พาณิชย์ ฯลฯ โดยได้ประชุมแก้ไขร่วมกันเป็นร้อยคน พร้อมลงไปจัดการในเขตที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งได้ประสานงานกันอยู่ตลอดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปี 2563 เราส่งหมูเป็นไปประเทศเพื่อบ้านกว่า 3 ล้านตัว ปี 2564 อีก 1.4 ล้านตัว ดังนั้น จะปิดบังไม่ได้เลยว่าหมูเป็นโรค เพราะประเทศอื่นเขาก็ตรวจอย่างจริงจังเช่นกัน

 

นายประภัตรกล่าวอีกว่า ต้องขอบคุณนายกฯที่อนุมัติเงินทันทีในการแก้ปัญหา วันนี้เราจ่ายเงินเสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อช่วยเกษตรกรที่ช่วยกันฝ้าระวังหมูและถูกทำลายหมูไป นอกจากนี้ เรื่องปริมาณหมูปี 63-64 เรามีหมูประมาณ 1.1 ล้านตัว สามารถขยายพันธุ์ได้ 1 ต่อ 20 ตัว ดังนั้น ในปี 64 เรามีหมู 19 ล้านตัว ขณะที่ประชาชนคนไทยบริโภควันละ 5 หมื่นตัว เท่ากับเรากินหมูไปทั้งหมด 18 ล้านตัว อีก 1.3 ล้านตัวส่งออก ดังนั้น ตัวเลขไม่ได้หายไปไหน

 

“นายกฯร้อนใจเรื่องราคา ท่านก็เรียกประชุมวันที่ 14 มกราคม ให้กรมปศุสัตว์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยร่วมกันสำรวจสต๊อก ซึ่งขณะสำรวจเหลือหมูถึง 12 ล้านตัว ทั้งยังให้ไปสำรวจเนื้อหมูในห้องเย็นกว่า 1,087 แห่ง พบมีหมูในสต๊อก 25 ล้านกิโลกรัม ดังนั้น ไม่ใช่โรคเอเอสเอฟที่ทำให้หมูตาย หมูขาดตลาด แล้วทำให้เนื้อหมูราคาแพง เพราะปริมาณหมูอยู่ครบ พอ

 

“นายกฯจึงสั่งอีกว่าที่หมูแพงเป็นเพราะอะไร หมูไปอยู่ที่ไหน วันนี้ทุกคนยอมรับแล้วว่าเกิดจากความผิดพลาดจากกลไกทางการตลาด นี่คือการบิดเบือนกลไกทางการตลาด และรัฐบาล นายกฯ กระทรวงเกษตรฯ หรือผมเอง เราไม่เคยได้ประโยชน์จากพ่อค้าหมูเลย เราทำงานทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือ ดังนั้น เราจะปกปิดอะไรไม่ได้เลย

“วันนี้เมื่อจำนวนหมูหายไป ผู้เลี้ยงรายย่อยกว่า 1.8 แสนราย หายไปครึ่งหนึ่งนั้น นายกฯมีความเป็นห่วง และสั่งการทันทีว่าให้เงินทุน จัดอบรม และเลี้ยงใหม่ โดยเงินทุนที่ตั้งไว้กว่า 3 หมื่นล้านบาท เอาไว้ให้พี่น้องได้กู้ยืมเพื่อกลับมาเลี้ยงหมู ทั้งยังสั่งกรมปศุสัตว์ ร่วมกับวิทยาลัยเกษตรฯที่มีอยู่ทั่วประเทศ เร่งผลิตลูกหมู ดังนั้น เราไม่เคยปกปิด ตรงกันข้าม เราเปิดเผยมาโดยตลอด และการที่หมูแพงเกิดจากกลไกทางการตลาดอย่างชัดเจน วันนี้เราหัวอกเดียวกัน เราเห็นใจพี่น้องประชาชน” นายประภัตรชี้แจง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง