แพทย์ ยัน วัคซีนทุกตัวปลอดภัย ไทยต้องไม่เป็นหนูทดลอง

แพทย์ ยัน วัคซีนทุกตัวปลอดภัย ไทยต้องไม่เป็นหนูทดลอง หลังทั่วโลกฉีด 100 ล้านโดส แนวโน้มติดเชื้อลดลงชัดเจน
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.วิวัฒน์ โรจนพิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวถึงวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 ว่า ประเด็นของโควิด-19 ที่ทั่วโลกสนใจ หนีไม่พ้นเรื่องวัคซีน โดยเฉพาะประเทศในอเมริกาและยุโรปที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ของโรคได้ ก่อให้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมาก จึงต้องหวังพึ่งวัคซีน ซึ่งในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาก็เห็นความหวังของวัคซีนขึ้นมาบ้าง อัตราติดเชื้อมีแนวโน้มลดลงชัดเจน ซึ่งก็เกิดขึ้นจากวัคซีนที่ให้กับประชาชน โดยทั่วโลกฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 100 ล้านโดส
นพ.วิวัฒน์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์หลักของการฉีดวัคซีน คือ ป้องกันตัวเองไม่ให้ป่วย โดยเฉพาะลดการเจ็บป่วยในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น บุคลากรสาธารณสุข ผู้สูงอายุ ส่วนวัตถุประสงค์รองมาคือป้องกันแพร่โรค โดยสิ่งต่อมาคือฟื้นระบบสังคม ระบบเศรษฐกิจ ส่วนวัคซีนทุกตัวต้องมีความปลอดภัย และทุกชนิดที่นำเข้ามาในไทย เราไม่ได้ฉีดคนแรก ประเทศไทยไม่ใช่หนูตะเภา มีประเทศอื่นฉีดมาก่อนแล้วหากเกิดปัญหาหรือไม่ได้ผล ก็ต้องหยุดการฉีดป้องกันปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าเสียโอกาส ฉะนั้น ขอให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า หากมีวัคซีนมาใช้จริงๆ ต้องมีประโยชน์และได้ผล
“ทุกคนมองว่าอีกไม่นาน หากการผลิตวัคซีนได้ทั่วถึงแล้ว โรคโควิด-19 ก็จะไม่ใช่ปัญหาทางสาธารณสุข ไม่ใช่ปัญหาทางสังคมอีกต่อไป แนวโน้มของโรคเมื่อเริ่มให้วัคซีน ภาพก็ชัดขึ้นเกือบทุกประเทศที่ได้รับวัคซีนว่า อัตราติดเชื้อและความรุนแรงของโรคลดลง ส่วนประเทศไทยแม้ยังไม่มีวัคซีน แต่ใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของประชาชนและทุกฝ่าย” นพ.วิวัฒน์กล่าว
นพ.วิวัฒน์ กล่าวว่า คำถามถึงความปลอดภัยของวัคซีน ต้องย้ำว่าวัคซีนโควิด เกิดขึ้นไวที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เนื่องจากโรคอื่นกว่าจะมีวัคซีนใช้จะต้องปล่อยให้ระบาดไประยะหนึ่งก่อน แต่โควิดมีวัคซีนใช้ใน 1 ปีของการระบาด จากแนวโน้มทุกวันนี้ น่าจะตอบได้ว่าวัคซีนมีความปลอดภัย แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ยังไม่สามารถตอบได้ว่าปลอดภัยกับทุกคน เพราะ บางคนแพ้สารในวัคซีน แต่คนที่แพ้ยาบางตัว ไม่ได้แปลว่าฉีดวัคซีนไม่ได้ หากอยู่ในความดูแลของแพทย์สามารถฉีดได้และปลอดภัย ฉะนั้น ปัจจุบันวัคซีนมีความปลอดภัยสูงมาก ระยะหลังเริ่มมีข้อมูลว่าจะป้องกันสำหรับผู้ที่แพ้อย่างไร พูดได้เต็มปากว่าวัคซีนมีความปลอดภัย ไม่ว่ายี่ห้อใดก็ตาม
“พูดยากว่าวัคซีนยี่ห้อใดดีที่สุด เพราะข้อมูลแต่ละพื้นที่ อาจเหมาะกับวัคซีนบางชนิด ทางวิทยาศาสตร์ต้องคอยประเมินว่าจะให้วัคซีนใดเหมาะสมที่สุด และเราเห็นประเทศอื่นฉีดแล้วก็สบายใจ เพราะหากได้ผลในประเทศที่ใกล้เคียงกับเรา สายพันธุ์เชื้อใกล้เคียงเรา ถ้าเขาได้ผล เราก็ได้ผล” นพ.วิวัฒน์ กล่าวและว่า ขณะนี้ประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่ราวร้อยละ 80-90 ซึ่งหากเกินร้อยละ 50 หลายประเทศก็ยอมรับว่า ใช้ได้ผล
นพ.วิวัฒน์ กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนยังไม่หยุด บางบริษัทไม่จำเป็นต้องฉีด 2 เข็ม อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เคยติดเชื้อมาก่อนจะฉีดซ้ำหรือจำเป็นต้องฉีดหรือไม่ ตนคิดว่า ควรฉีด เพราะไม่รู้ว่าเป็นสายพันธุ์ใด แต่มีข้อแม้ว่าหากติดเชื้อมาไม่เกิน 90 วัน วัคซีนที่ฉีดจะได้ผลน้อยมาก เพราะร่างกายต้านทานวัคซีน คำแนะนำคือ ฉีดซ้ำได้หลัง 90 วันที่เคยติดเชื้อ
“เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว เชื้อเข้าร่างกายได้ ติดเชื้อได้แต่ไม่เกิดโรค หรือเกิดแต่ไม่รุนแรง คนที่ฉีดวัคซีนเมื่อรับเชื้อมา ก็จะแพร่โรคได้ แต่เชื้อในร่างกายน้อย ก็มีโอกาสแพร่เชื้อต่ำ ฉะนั้น เมื่อฉีดวัคซีนแล้วต้องป้องกัน ปฏิบัติเสมือนว่าเรายังติดเชื้อและแพร่โรคได้ ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย ไม่ใช่ว่าฉีดแล้วมีใบรับรองแล้ว จะเดินทางไปที่ไหนก็ได้” นพ.วิวัฒน์ กล่าว
นพ.วิวัฒน์ กล่าวว่า บางคนตีขลุมว่า ฉีดวัคซีนแล้วและไม่สวมหน้ากากอนามัย เราก็ไม่รู้ว่า เขาฉีดจริงหรือไม่ ดังนั้น เราต้องป้องกันโรค จนกว่าจะมีข้อมูลว่า จะกลับเข้าสู่สังคมปกติได้ สามารถเดินทาง ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ตามปกติ ซึ่งหวังว่าเราจะได้คำตอบหลังมีวัคซีนใช้ในหลายประเทศ