อาชญากรรม กับ มุมมืดของพัทยา เมืองแห่งแสงสีที่ขาด Safe Zone?

เดือนเมษายน 2568 เมืองพัทยา — ศูนย์กลางการท่องเที่ยวชื่อดังของไทย — ต้องเผชิญกับเหตุสะเทือนใจอีกครั้ง เมื่อพบศพสาวประเภทสองวัย 25 ปี ถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมภายในเกสต์เฮาส์ย่านพัทยากลาง ท่ามกลางพื้นที่ที่รายล้อมด้วยโรงแรม ร้านอาหาร และสถานบันเทิง
คดีสะเทือนขวัญครั้งนี้ ไม่ได้เพียงก่อให้เกิดความสูญเสียในระดับบุคคล หากแต่เปิดเผยภาพที่กว้างกว่า — ภาพของเมืองท่องเที่ยวที่แสงไฟและสีสันอาจไม่สามารถกลบเงาของปัญหาความปลอดภัยได้ทั้งหมด
ในบริบทที่พัทยายังคงเป็นหนึ่งในปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เหตุการณ์เช่นนี้กำลังตั้งคำถามสำคัญต่อสังคมไทยว่า —
ระบบป้องกันภัยในเมืองท่องเที่ยวของเราพร้อมเพียงพอแล้วหรือยัง และหากไม่พร้อม ถึงเวลาหรือยังที่จะเริ่มต้นการทบทวนอย่างจริงจัง?
พัทยากับปัญหาอาชญากรรมที่ไม่ใช่เรื่องใหม่
แม้พัทยาจะถูกโปรโมตในฐานะเมืองแห่งความบันเทิงและการพักผ่อน แต่สถิติด้านอาชญากรรมที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าปัญหานี้มีอยู่จริงและต่อเนื่อง
จากข้อมูลของ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา พบว่า
- ปี 2558 มีคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ถึง 288 คดี (จับกุมได้ 184 คดี)
- คดีชีวิต ร่างกาย และเพศ เช่น ฆาตกรรมและทำร้ายร่างกาย มีถึง 70 คดี (จับกุมได้ 47 คดี)
- อัตราคดีที่จับกุมได้ในคดีเกี่ยวกับทรัพย์มีเพียง 63.89% เท่านั้น
ส่วนในปี 2561 จากสถิติของ ศาลจังหวัดพัทยา พบว่า
- มีคดีอาญารับใหม่ถึง 137 คดี
- คดีที่เสร็จสิ้นกระบวนการแล้วมีเพียง 140 คดี ในปีเดียวกัน
- คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้ผลสำเร็จเพียง 1 คดี ตลอดปี 2561
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนว่า พัทยาไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางการท่องเที่ยว แต่ยังเป็นพื้นที่ที่มีการกระทำความผิดอาญาในระดับสูงเมื่อเทียบกับพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ของไทย
ปัญหาที่ลึกกว่าตัวเลข ระบบ Safe Zone ที่อาจต้องทบทวน
เหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในย่านพัทยากลาง — พื้นที่ซึ่งรายล้อมด้วยโรงแรม ร้านอาหาร และสถานบันเทิง — ทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิภาพของระบบดูแลความปลอดภัยในเมืองท่องเที่ยวสำคัญเช่นนี้
แม้พัทยาจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) กระจายตามจุดต่าง ๆ และมีความพยายามเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังในหลายพื้นที่ แต่การบริหารจัดการข้อมูลจากระบบเฝ้าระวัง การประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการแจ้งเหตุฉุกเฉินสำหรับนักท่องเที่ยวยังคงมีช่องว่างให้เห็น
ในขณะเดียวกัน การตรวจสอบประวัติของผู้เดินทางก็ยังจำกัดเฉพาะบางกรณี ทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะป้องกันเหตุร้ายก่อนที่จะเกิดขึ้น
ทั้งหมดนี้ นำมาสู่คำถามที่น่าคิดว่า —
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่พัทยาและเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ จะต้องกลับมาทบทวนแนวทางสร้าง "Safe Zone" ให้สอดคล้องกับความคาดหวังของโลกยุคใหม่?
อาชญากรรมไม่ได้ทำร้ายแค่เหยื่อ แต่กำลังบั่นทอนโครงสร้างเศรษฐกิจของเมือง
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี เปิดเผยว่า เดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยมีเพียง 300,000 คน ในขณะที่เวียดนามสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนได้มากถึง 670,000 คน — เป็นครั้งแรกที่เวียดนามแซงไทยในตลาดท่องเที่ยวจีนนอกจากนี้ นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ลดลงกว่า 30% ในไตรมาสแรกของปี 2568 ตลาดรัสเซีย ซึ่งเคยฟื้นตัวหลังโควิด-19 ก็เริ่มเบนเส้นทางไปยังเวียดนาม
หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไทยสูญเสียความได้เปรียบ คือ "ความรู้สึกไม่ปลอดภัย" ของนักท่องเที่ยว — ทั้งจากอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริง และจากข่าวสะเทือนขวัญที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก
จะเดินหน้าแก้ระบบ หรือปล่อยให้ชื่อเสียงพัง?
เหตุฆาตกรรมกลางพัทยาไม่ใช่คดีแรก และแน่นอนว่าไม่ใช่คดีสุดท้าย หากพัทยายังไม่เร่งแก้ไขโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยอย่างจริงจัง
แนวทางที่จำเป็นอย่างเร่งด่วน ได้แก่
- ขยายระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงสูง และเชื่อมโยงฐานข้อมูลแบบเรียลไทม์
- ตั้งศูนย์ Emergency Hub สำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อรองรับเหตุฉุกเฉินทันที
- จัดทำระบบคัดกรองนักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างละเอียดขึ้น
- สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างตำรวจท้องที่, ตำรวจท่องเที่ยว, ผู้ประกอบการโรงแรม และชุมชนท้องถิ่น
------------------
ทางเลือกของเมือง?
แสงไฟนีออนของพัทยาอาจยังคงสว่างไสวในค่ำคืน แต่หากไม่มีระบบรับประกันความปลอดภัยที่จับต้องได้ การสว่างนั้นอาจมีแต่เปลือกภายนอก
ในวันที่ตัวเลือกของนักเดินทางมีอยู่ทั่วโลก เมืองที่ไม่สามารถสร้าง "ความมั่นใจ" ให้กับนักท่องเที่ยวได้ ย่อมถูกลดอันดับในใจนักเดินทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คดีสะเทือนขวัญกลางพัทยาในครั้งนี้ อาจถูกบันทึกเป็นเพียงข่าวอาชญากรรมอีกเหตุการณ์หนึ่ง แต่หากพิจารณาให้ลึกซึ้งกว่านั้น มันคือสัญญาณเตือนของเมือง
คำถามที่สำคัญจึงไม่ใช่เพียงว่า "จับตัวคนร้ายได้หรือไม่" แต่คือ "ระบบของเมืองได้เรียนรู้อะไรจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้บ้าง"
พัทยา — ในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลก — กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องเลือกทิศทางของตัวเอง ว่าจะซ่อมแซมเสาเข็มแห่งความปลอดภัยให้แข็งแกร่ง หรือปล่อยให้รอยร้าวค่อย ๆ กัดเซาะศรัทธาจากนักท่องเที่ยวและประชาคมโลกไปทีละน้อย ?
ไม่มีทางเลือกใดที่ง่าย แต่การเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือน ก็ไม่อาจนำพาเมืองให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนเช่นกัน?