“แบงก์ทั่วโลก”หนุนฟอสซิล มากกว่าพลังงานสะอาด

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ภาคการธนาคารทั่วโลกแทบไม่ก้าวหน้าเลยในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเมื่อปีที่แล้ว โดยยังคงจัดสรรเงินทุนให้กับน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน มากกว่าการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน

จากการวิเคราะห์ของ BloombergNEF (BNEF) พบว่า ธนาคารชั้นนำของโลกใช้เงินเพียง 89 เซนต์ กับบริษัทและโครงการพลังงานคาร์บอนต่ำ เช่น พลังงานลม แสงอาทิตย์ และโครงข่ายไฟฟ้า ต่อเงิน 1 ดอลลาร์ที่ทุ่มให้กับเชื้อเพลิงฟอสซิล ตัวเลขนี้แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2566 เลย

BNEF คำนวณว่า หากโลกต้องการมีโอกาสจำกัดภาวะโลกร้อนให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส การลงทุนในโครงการพลังงานสะอาดจำเป็นต้องสูงกว่าการลงทุนในฟอสซิลถึง 4 เท่า แต่ดัชนี Energy Supply Banking Ratio ซึ่งรวมถึงการจัดหาเงินกู้และการรับประกันตราสารทุนแทบไม่ขยับจาก 0.75 ในปี 2564

ข้อมูลดังกล่าวยังเป็นตัวเลขก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ สมัยที่ 2 โดยหนึ่งในคำสั่งฝ่ายบริหารแรก ๆ ของเขาในเดือนมกราคมคือการฟื้นฟูอุตสาหกรรมพลังงานฟอสซิลของอเมริกา ภายใต้ชื่อ “Unleashing American Energy”

แม้ก่อนทรัมป์กลับมามีอำนาจ ธนาคารในสหรัฐก็เผชิญแรงกดดันให้ถอนตัวออกจากพันธมิตรด้านสภาพภูมิอากาศ และพิสูจน์ต่อฝ่ายการเมืองรีพับลิกันรวมถึงอัยการรัฐว่าพวกเขายังคงสนับสนุนภาคพลังงานฟอสซิล

อย่างไรก็ตามปีนี้ราคาน้ำมันลดลงจากภาวะอุปทานส่วนเกิน ทำให้ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐลดการจัดหาเงินทุนแก่ภาคพลังงานดังกล่าว

จนถึงตอนนี้ในปี 2568 ธนาคารสหรัฐ 6 แห่งใหญ่สุด มีการปล่อยกู้และรับประกันพันธบัตรแก่ธุรกิจน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหินลดลงรวม 15% ตามข้อมูลของ Bloomberg โดย Bank of America ลดลงมากที่สุด 36% ส่วน JPMorgan Chase ลดลงน้อยที่สุดที่ 4.8%