รีเซต

BPP โบรกฯ คาด Q3 กำไรหลักนิวไฮ! ปัจจัยบวกชั่วคราว ระยะยาว outperform ได้ยาก

BPP โบรกฯ คาด Q3 กำไรหลักนิวไฮ! ปัจจัยบวกชั่วคราว ระยะยาว outperform ได้ยาก
ทันหุ้น
6 พฤศจิกายน 2566 ( 12:27 )
65

#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ส่องหุ้น BPP คาดว่ากำไรสุทธิใน Q3/66F จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 พันล้านบาท (+82% QoQ, +5% YoY) และคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท (+190% QoQ, +170% YoY) จากผลการดำเนินงานที่แข็งแก่รงขึ้นของโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ และปัจจัยฤดูกาล แนะนำถือ โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 15.90 บาท มองว่าราคาหุ้นอาจจะได้แรงกระตุ้นจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดใน Q3/66F และการที่นักวิเคราะห์ในตลาดปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นอีก ซึ่งมองว่าเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น

 

**ประมาณการ Q3/66F กำไรเพิ่มขึ้น QoQ,YoY 

 

วันที่ 10 พ.ย. ฝ่ายวิจัยคาดว่า BPP จะมีกำไรสุทธิใน Q3/66F เพิ่มเป็น 2.4 พันล้านบาท (+82% QoQ, +5% YoY) จากกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นของโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ แต่หากไม่รวมผลขาดทุนสุทธิจากตราสารอนุพันธ์ กำไรหลักจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3.3 พันล้านบาท (+190% QoQ, +170% YoY) ทำให้กำไรจากธุรกิจหลักในงวด 9M66F อยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท (+129% YoY) คิดเป็น 140% ของกำไรปี 2566F ของเรา

 

ผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักน่าพอใจ กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้ง QoQ และ YoY จะมาจาก i) อานิสงส์ของคลื่นความร้อน (Heatwave) ที่เกิดขึ้นทั่งทั้งตอนใต้ของสหรัฐ ซึ่งทำให้อัตราค่าไฟฟ้า และปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ii) เริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานของ Temple II (378MWe ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม) และ iii) ผลการดำเนินงานดีขึ้นทั้งของ CHPs  (ต้นทุนถ่านหินลดลง) และ SLG (ไม่มีการปิดซ่อมบำรุง และ อัตราการเดินเครื่องสูงขึ้น) แม้ว่าจะมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโครงการหงสา (Unit1 – 44 วัน), SG&A พุ่งสูงขึ้นจากการขยายธุรกิจไปสู่การขายไฟฟ้าให้ลูกค้ารายย่อย, และต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น ทั้งนี้ โครงการ Nakoso ยังคงอยู่ระหว่างการปิดซ่อมบำรุงรอบใหญ่นาน 1 ปี ในขณะที่ Banpu NEXT อาจจะมีผลขาดทุนลดลงจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจการค้าพลังงาน และธุรกิจแบตเตอรี่

 

**อัพประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ขึ้นอีก 69% 

 

ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มกำไรเต็มปีสะท้อนถึงรายการพิเศษ 9M66F และกำไรที่ดีเกินคาดของทั้ง Temple I&II หลังจากที่ได้ปัจจัยสนับสนุนจากคลื่นความร้อนในสหรัฐ (ตั้งแต่ ก.ค.) คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2566F ของ BPP จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 6.4 พันล้านบาท (+12% YoY) เนื่องจากอานิสงส์ของคลื่นความร้อนในสหรัฐ และการเข้าซื้อ Temple II อย่างไรก็ตาม ใช้สมมติฐานว่าจะไม่เกิดคลื่นความร้อนในปี 2567F ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิลดลง 35% YoY จากการที่กลับมาดำเนินการตามปกติ, รับรู้ผลการดำเนินงานของ Temple II เต็มปี, ผลการดำเนินงานที่จีนแข็งแกร่งขึ้น และ กลับมาเปิดดำเนินงานที่ Nakoso

 

**แนวโน้มกำไรQ4/66F จะลดลงอย่างมาก QoQ 

 

ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรหลัก Q4/66F จะลดลง QoQ เพราะผลขาดทุนจากการปิดซ่อมบำรุงของ Temple I (10 วัน) และ Temple II (23 วัน), การปิดซ่อมบำรุงตามแผนที่นานขึ้นของโครงการหงสา (Unit 2&3), SG&A สูงขึ้นตามฤดูกาล, และต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น แม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวซึ่งทำให้กำไร CHPs และ SLG ดีขึ้น

 

คงคำแนะนำ ถือ โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 15.90 บาท (เดิม 15.50 บาท) มองว่าราคาหุ้นอาจได้แรงกระตุ้นจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดใน Q3/66F และการที่ตลาดปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นอีก ซึ่งมองว่าเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น สำหรับแนวโน้มในระยะยาว หุ้น BPP น่าจะ outperform ได้ยาก เพราะ ROE มีแนวโน้มจะต่ำ ท่ามกลางกระแส ESG ที่เร่งตัวขึ้น

 

ด้านปัจจัยเสี่ยง การปิดโรงงานนอกแผน, ปัญหา cost overrun, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง