SHR เดินหน้าดันอีบิทดา ปี69จ่อซื้อโรงแรม2แห่ง

#SHR #ทันหุ้น - SHR ปรับเดินหน้าปรับพอร์ต ดันอีบิทดาเพิ่ม จ่อขายโรงแรมในอังกฤษที่สร้างรีเทิร์นต่ำ นำเงินไปลงทุนใหม่ที่ผลตอบแทนสูงกว่า เล็งซื้อกิจการโรงแรมในไทย 2 แห่ง ตั้งงบไว้แห่งละ 2-3 พันล้านบาท ชัดเจนปีหน้า มั่นใจปี 2569 งบดีต่อเนื่อง เชื่อนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้น ด้านปีนี้กำไรปกตินิวไฮ
นายอิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับพอร์ตโรงแรมเพื่อเพิ่มกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบัน EBITDA ของบริษัทอยู่ที่ 25% ซึ่งต่ำกว่าบริษัทในอุตสาหกรรมอยู่ที่ 30%
@จ่อขายโรงแรมในอังกฤษ
ดังนั้นบริษัทจึงกำลังพิจารณาขายโรงแรมที่ประเทศอังกฤษ เนื่องจาก สร้างผลตอบแทนที่ต่ำ เพราะทำเลที่ตั้งไม่ได้อยู่ในพื้นที่หลัก (Prime Area) และส่วนใหญ่อยู่ในเมืองรอง (Secondary City) ซึ่งต้องพึ่งพาอุปสงค์ภายในประเทศ (Domestic Demand) ประกอบกับค่าครองชีพก็สูงทำให้การท่องเที่ยวในประเทศค่อนข้างนิ่ง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในอังกฤษรวม 22 โรงแรม ส่วนใหญ่อยู่ในชานเมือง มีเพียง 6 แห่งที่อยู่ในเมืองใหญ่ และบริษัทได้มีการรีแบรนด์บริหารโดยเครือแอสคอทไปแล้ว 4 แห่ง โดยขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะขายออกไปกี่แห่ง เพราะกำลังอยู่ในช่วงของการพิจารณา
“โรงแรมในอังกฤษคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 30% แต่สร้างผลตอบแทนต่ำ จึงฉุดภาพรวม EBITDA ของบริษัทต่ำลง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมี EBITDA ที่ 25% แต่อุตสาหกรรมอยู่ที่ 30% บริษัทจึงมีแผนที่จะขายโรงแรมที่อังกฤษออกไป เพื่อนำเงินไปลงทุนใหม่ที่สร้างผลอตบแทนที่ดีให้กับบริษัท”
นายอิศรินทร์ กล่าวว่า เงินที่ได้จากการขายโรงแรมดังกล่าวบริษัทก็จะนำไปลงทุนในโรงแรมใหม่ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทซึ่งจะทำให้ EBITDA ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะเข้าไปซื้อกิจการโรงแรมในประเทศไทย จำนวน 2 แห่งที่มีจำนวนห้องมากกว่า 100 ห้อง ซึ่ง 1 แห่งจะอยู่ในกรุงเทพฯ และอีก 1 แห่ง ในภาคใต้ โดยบริษัทตั้งงบลงทุนในการซื้ออยู่ที่แห่งละ 2-3 พันล้านบาท โดยจะมีความชัดเจนในปีหน้า โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสด การกู้สถาบันการเงิน
@คาดปี 69 ดีต่อ
ส่วนแนวโน้มผลดำเนินงานในปี 2569 คาดว่าดีต่อเนื่อง เพราะคาดว่าจีนจะกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น และรับรู้ผลดีต่อเนื่องจากที่บริษัทมีการรีโนเวตโรงแรมเสร็จในปีที่ผ่านมา และในปี 2569 บริษัทมีแผนรีโนเวทโรงแรมอีก คือ โรงแรมที่พีพี ซึ่งในช่วงโลว์ซีซัน และรีโนเวตแค่ 12 ห้องเท่านั้น ทำให้ห้องส่วนอื่นยังสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ โดยการรีโนเวตดังกล่าวจะทำให้ ADR ปรับเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 20%
สำหรับผลดำเนินงานในปี 2568 ถือว่าเป็นปีที่บริษัทเทิร์นอะราวด์ดีที่สุดนับตั้งแต่ช่วงหลังโควิด เนื่องจากโรงแรมในประเทศไทย และต่างประเทศมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นหลังจากที่บริษัทมีการรีโนเวต และการรีแบรนด์ โรงแรม ทำให้บริษัทสามารถปรับเพิ่มอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายตัว (ADR) ได้ และนักท่องเที่ยวยังเข้าพักที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่มัลดีฟส์ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวทำสถิติสูงสุด และสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ ถือเป็น Cash Cow (แหล่งเงินสด) ให้กับบริษัท เนื่องจากมีอัตราการเข้าพักสูงมากประมาณ 90% และอาจมีแผนขยายห้องเพิ่มอีกประมาณ 20 ห้อง
@กำไรปกตินิวไฮ
ทั้งนี้จากที่ค่าเงินบาทปีนี้แข็งค่ามาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท เพราะบริษัทมีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ 75% จึงทำให้รายได้ของบริษัทปีนี้คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 1.1 หมื่นล้านบาท แต่ถ้าเงินบาทไม่แข็งค่าขนาดนี้รายได้ของบริษัทก็จะเติบโตมากกว่านี้ ส่วนของกำไรปกติปีนี้ถือว่าทำนิวไฮ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
