สหรัฐฯ พบ 'เสียชีวิตจากปืน' 4 ใน 10 เป็นการฆ่าตัวตาย

นิวยอร์ก, 14 ก.ย. (ซินหัว) -- เมื่อไม่นานนี้ ศูนย์สุขภาพแลนกอนแห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก อ้างอิงการวิเคราะห์การเสียชีวิตจากอาวุธปืนในกว่า 750 เมืองของสหรัฐฯ ระหว่างปี 2014-2020 ระบุว่าผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืน 4 ใน 10 ราย เป็นการฆ่าตัวตาย ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 นับตั้งแต่ปี 2014ขณะเดียวกันอัตราการฆาตกรรมด้วยอาวุธปืนในเมืองต่างๆ ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นราวร้อยละ 18 โดยเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2020ตัวเลขผู้เสียชีวิตนี้สะท้อนผลกระทบที่ตามมาจากการผ่อนปรนข้อจำกัดการครอบครองอาวุธปืนและการพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะนานหลายปี รวมถึงยอดจำหน่ายปืนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในปีแรกของการเกิดโรคระบาดใหญ่การวิเคราะห์ใหม่เหล่านี้มุ่งหาคำตอบว่าเมืองใดมีการฆ่าตัวตายและการฆาตกรรมด้วยอาวุธปืนเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างมีนัยสำคัญมากที่สุด เพื่อมอบข้อมูลที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับอัตราการฆ่าตัวตายและการฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในระดับเมือง ซึ่งปัจจุบันมีการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณชนแล้วทั้งนี้ ผลการวิเคราะห์ข้างต้นเป็นผลจากความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างกระดานข้อมูลสุขภาพระดับเมือง (City Health Dashboard) ของศูนย์สุขภาพแลนกอนฯ และกองทุนสนับสนุนความปลอดภัยจากปืนในทุกเมือง (Everytown for Gun Safety Support Fund) ซึ่งเป็นองค์กรป้องกันความรุนแรงจากปืนขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ