รีเซต

KTB โชว์กำไร Q2/65 ที่ 8,358 ลบ. โต 39% โบรกฯ มองดีกว่าคาด เพิ่มราคาเป้าหมาย

KTB โชว์กำไร Q2/65 ที่ 8,358 ลบ. โต 39% โบรกฯ มองดีกว่าคาด เพิ่มราคาเป้าหมาย
ทันหุ้น
22 กรกฎาคม 2565 ( 10:40 )
134
KTB โชว์กำไร Q2/65 ที่ 8,358 ลบ. โต 39% โบรกฯ มองดีกว่าคาด เพิ่มราคาเป้าหมาย

#KTB #ทันหุ้น-ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ไตรมาส 2/65 มีกำไร 8,358.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 6,011.04 ล้านบาท ขณะที่โบรกเกอร์มองกำไรที่ประกาศออกมาดีกว่าคาด และยังมองแนวโน้มไตรมาส 3/65 ยังดีต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมี upside จากการใช้แอพพลิเคชั่น"เป๋าตัง" หนุน โดยได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้น พร้อมแนะนำซื้อ 

 

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 8,358  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% มีสาเหตุหลักจากรายได้รวมที่ขยายตัว 2.1% ทั้งการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของสินเชื่อ และการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในภาพรวม ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับ 42.48% ซึ่งโดยรวมอยู่ในระดับคงที่จากไตรมาส 2/64  

 

ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 5,669 ล้านบาท ลดลง 30.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการตั้งสำรองไว้ในระดับสูง โดยธนาคารยังยึดหลักการทำธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะมีผลกระทบกับคุณภาพของสินทรัพย์  ประกอบกับติดตามภาพรวมของเงินให้สินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio-Gross) 3.32% ลดลงเมื่อเทียบสิ้นปี 2564 ที่เท่ากับ 3.50% และยังคงรักษาระดับของ Coverage ratio ในระดับสูงที่ 174.3% เทียบกับ 168.8% เมื่อสิ้นปี 2564 

 

เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร ลดลง 4.8% เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลง ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรม (mark to market) ของสินทรัพย์ทางการเงินในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด  ถึงแม้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวได้ดีจากการขยายตัวของรายได้ดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อ ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยยังคงระดับการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่ยึดหลักระมัดระวัง โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านมา

 

ธนาคาร (งบเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 328,287 ล้านบาท (ร้อยละ 15.98 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง) และเงินกองทุนทั้งสิ้นเท่ากับ 413,559  ล้านบาท (ร้อยละ 20.13 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง) ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) โดยในเดือนเมษายน 2565 ธนาคารได้ออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิ ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 จำนวน 18,080 ล้านบาท ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงให้แข็งแกร่งมากขึ้น รองรับการเติบโตในอนาคต 

 

จากความมุ่งมั่นดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของธนาคารดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง   โดยในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2565 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 17,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ขยายตัว 4.9% จากการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ ทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อย รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) เท่ากับ 2.50%  ประกอบกับบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดี  รวมถึงค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล ค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง 0.7% ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับ 41.86% ลดลงจาก 43.33% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน  ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง31.0%  แต่ยังคงรักษาระดับของ Coverage ratio ในระดับสูงที่ 174.3% เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ

 

**กำไรสูงกว่าโบรกฯ คาด 

 

บล.เคทีบีเอสที แนะนำซื้อหุ้น KTB พร้อาปรับราคาเป้าหมายของปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 18 บาทต่อหุ้น จากเดิมที่ 16 บาทต่อหุ้น จากการปรับกำไรและ PBV เพิ่มขึ้น โดย KTB ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด 23% และดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยเคทีบีเอสทีคาด 16% เพราะมีการตั้งสำรองที่ลดลง  NIM เพิ่มขึ้นและ OPEX ยังคงอยู่ในระดับต่ำ  ส่วน NPL ยังคงปรับตัวลดลงได้ดี

 

กำไรสุทธิในครึ่งแรกปีนี้ของ KTB คิดเป็น 60% ของประมาณการ ทำให้ฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2565-2566 เพิ่มขึ้น 4% และ 3% จากการปรับ  Credit cost และ Cost to Income ลดลงให้ได้กำไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากปีก่อน และคาดว่าแนวโน้มกำไรในไตรมาส 3/65 จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการสำรองที่ลดลง 

 

นอกจากนี้คาดว่า KTB จะมี upside เพิ่มจากการใช้ data ใน application เป๋ าตังและอื่นๆที่ช่วยเหลือรัฐบาล ซึ่งสามารถนำข้อมูลมา crossselling เพิ่มเติมได้อีกในอนาคต ขณะที่ราคาหุ้นด้าน valuation ปัจจุบันยัง laggard เมื่อเทียบในกลุ่มธนาคาร

 

ราคาหุ้น KTB เช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 15.60 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 4% มีมูลค่าการซื้อขาย 702.68 ล้านบาท 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง