รีเซต

"SISB" โบรกฯ อัพเป้าใหม่ที่ 50 บ. คาดกำไรปี 67-68 โตเฉลี่ยปีละ 32%

"SISB" โบรกฯ อัพเป้าใหม่ที่ 50 บ. คาดกำไรปี 67-68 โตเฉลี่ยปีละ 32%
ทันหุ้น
28 มีนาคม 2567 ( 12:53 )
21
"SISB" โบรกฯ อัพเป้าใหม่ที่ 50 บ. คาดกำไรปี 67-68 โตเฉลี่ยปีละ 32%

#ทันหุ้น - บล.ทิสโก้ ส่องหุ้น SISB คงคำแนะนำ“ซื้อ” จากคาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง การขยายสาขาเดิมและการรับรู้รายได้สาขาใหม่เต็มปี ยังสามารถรองรับนักเรียนได้เพิ่มขึ้นจาก Utilization rate ยังต่ำ 62.5% เทียบกับการจดทะเบียนเต็มกำลังความสามารถในการรองรับนักเรียน 

 

บริษัทมีปรับการขยายสาขาเดิมเพิ่มขึ้นในปี 2567-68F เป็น 1,800 ที่นั่ง จากเดิมตั้งเป้าขยาย 1,500 ที่นั่ง จากสาขาประชาอุทิศที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยคาดกำไรสุทธิ Q1/67F และทั้งปี 2567F เพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่สูงสุดต่อเนื่อง 

 

ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการเพิ่มขึ้นสะท้อนผลประกอบการจากฐานปี 2566 และแผนการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิปี 2567-68F เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 32% (CAGR 2Y)

 

ปรับแผนขยายสาขาเดิมปี 2567-68F เพิ่มขึ้นจาก 1,500 ที่นั่งเป็น 1,800 ที่นั่ง บริษัทประกาศปรับแผนขยายสาขาเดิมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสาขาประชาอุทิศที่ได้รับการตอบรับดี โดยในปี 2567F บริษัทมีการขยายสาขาเขียงใหม่เฟส 2 แล้ว 300 ที่นั่ง และวางแผนขยายสาขาธนบุรีเฟส 3.1 จำนวน 300 ที่นั่ง คาดจะเริ่มการศึกษาใหม่ ส.ค.67 

 

สำหรับปี 2568F บริษัทวางแผนขยายสาขาประชาอุทิศเฟส 3 จำนวน 600 ที่นั่ง และสาขาธนบุรีเฟส 3.2 อีก 600 ที่นั่ง วางงบลงทุนในปี 2567F คาด 40 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคารและเช่าพื้นที่ สำหรับปี 2568F วางงบลงทุนจากการก่อสร้างอาคารไม่เกิน 500 ล้านบาท (ค่าเสื่อมรวมค่าเช่าที่ดินประมาณปีละ 20-24 ล้านบาท/ปี) โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดในมือ บริษัทตั้งเป้านักเรียนเพิ่มขึ้นปีละ 400 คนในปี 2567-69F จาก 6 สาขา 

 

โดยปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นราว 80 คน และคาดจะเพิ่มสูงสุดในช่วงไตรมาส 3 จากการเปิดการศึกษาใหม่ (ณ สิ้นปี 2566 มีจำนวนนักเรียน 4,197 คน คิดเป็น Utilization rate 83% ของพื้นที่ห้องที่เปิดแล้ว และคิดเป็น 62.5% เทียบกับการจดทะเบียนกับจำนวนความสามารถในการรองรับ, นักเรียนเข้าใหม่ 1,140 คน ส่วนใหญ่เป็นคนจีนที่สมัครเข้าเรียนสาขาประชาอุทิศและเชียงใหม่เป็นหลัก ปัจจุบันสัดส่วนจำนวนนักเรียนต่างชาติ 27% และคนไทย 73%)

 

ปรับประมาณการเพิ่มขึ้นคาดกำไรเติบโต 32% (CAGR2Y) จากอัตราทำกำไรที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิ Q1/67F จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นบุคลากรและครูมีอัตราเพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายได้ และแนวโน้ม Q2/67F จะอ่อนตัวลง QoQ จากรายได้กิจกรรมที่ลดลง และจะกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากการเปิดเทอมใหม่ 

 

ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการปี 2567-69F เพิ่มขึ้นจากคาดเดิม 4-6% โดยกำไรสุทธิปี 2567-68F อยู่ที่ 908 ล้านบาท (+39%YoY) และ 1,134 ล้านบาท (+25%YoY) ตามลำดับ คาดค่าเทอมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 7% จากการปรับค่าเทอมและโครงสร้างนักเรียนในระดับปฐมและมัธยมที่เพิ่มขึ้นที่มีค่าเทอมสูงกว่าจากการขึ้นระดับชั้นทุก 2 ปี  คาดจำนวนนักเรียนปี 2567-68F เพิ่มขึ้น 405 คน และ 410 คน ตามลำดับ 

 

คาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกคือ 1) ผู้ปกครองปัจจุบันที่ใส่ใจต่อการศึกษาให้บุตรเรียนหลักสูตรภาษาอินเตอร์มากขึ้น 2) หลักสูตรสิงคโปร์ที่มีภาษาจีนเพิ่มขึ้นและได้รับความนิยมและผลการทดสอบคะแนนเป็นอันดับ 1 ของโลก 3) นโยบายของประเทศจีนที่ลดความสำคัญของภาษาอังกฤษส่งผลมาเรียนต่อประเทศไทยมากขึ้น 4) ยังมี upside จากการที่บริษัทมีแผนจะเปิดโรงเรียนโครงการ Halving Project ทีค่าเทอมรองลงมาจากโรงเรียน Inter premium คาดหวังดึงส่วนแบ่งนักเรียนจากกลุ่ม English Program ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 20% ของในประเทศ 

 

คงคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 50 บาท โดยแนะนำ “ซื้อ” จากคาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากการเติบโตของโรงเรียนทุกสาขาที่มีทำเลดีและค่าเทอมอยู่ระดับกลางในกลุ่มโรงเรียน Inter Premium รวมถึงมีหลักสูตรสิงคโปร์ 3 ภาษา ที่มีภาษาจีนเพิ่มขึ้นตอบโจทย์ผู้ปกครอง ราคาเป้าหมายใหม่จากการปรับประมาณการอยู่ที่ 50 บาท จากเดิม 42.50 บาท อ้างอิงวิธี DCF (WACC 8%, T-growth 1.5%) ราคาเป้าหมายเทียบเท่า PEG24F 1.3X, บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ (net cash) ความเสี่ยง : 1) การแข่งขันของโรงเรียนนานาชาติ  2) การขาดแคลนบุคลากร

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง