หกปีแห่งการรอคอย... ในที่สุด Star Ocean 6: The Divine Force ภาคต่อล่าสุดของซีรีส์เกม Action RPG อวกาศสุดคลาสสิกจาก tri-Ace ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง แน่นอนว่าด้วยชื่อเสียงของซีรีส์ และระยะเวลาที่แฟนๆ รอคอย ความคาดหวังของใครหลายคนจึงสูงลิบลิ่ว ตัวเกมภาคนี้มาพร้อมกับระบบการเล่นแบบใหม่ โลกอันกว้างใหญ่ไพศาล และเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม แต่กระนั้น ภายใต้แสงดาวอันระยิบระยับ กลับมีเงาแห่งปัญหาที่ซ่อนเร้นอยู่ รอคอยให้ผู้เล่นได้สัมผัส กราฟิกและการนำเสนอ - ความงามที่ไม่สมบูรณ์แบบ สิ่งแรกที่กระแทกตาผมทันทีที่ก้าวเข้าสู่โลกของ Star Ocean 6 คือ กราฟิกที่... พูดตามตรงคือ "ขัดใจ" อย่างบอกไม่ถูก ทิวทัศน์ ฉากหลัง เอฟเฟกต์เวทมนตร์ ถูกออกแบบมาอย่างอลังการ สวยงามราวกับภาพวาด รายละเอียดของสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ ภูเขา หรือเมือง ล้วนเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ชวนให้หลงใหล แต่ในทางกลับกัน โมเดลตัวละคร โดยเฉพาะใบหน้า กลับดูแข็งทื่อ ไร้อารมณ์ ราวกับหลุดมาจากยุค PlayStation 3 ผมเข้าใจดีว่าทีมพัฒนาอาจจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างโลกอันกว้างใหญ่ แต่การละเลยรายละเอียดของตัวละคร ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของเกม RPG ก็ทำให้รู้สึกสะดุดอยู่ไม่น้อย เหมือนกับภาพวาดชั้นยอด ที่ถูกใส่กรอบรูปราคาถูก ความงามจึงลดทอนลงไปอย่างน่าเสียดาย ยกตัวอย่างเช่น ฉากต่อสู้กับบอส เอฟเฟกต์แสงสีเสียงตระการตา ฉากหลังพังทลาย ดูอลังการงานสร้าง แต่พอตัดภาพมาที่ตัวละคร กลับเห็นใบหน้าไร้อารมณ์ แถมเท็กซ์เจอร์ยังแตกๆ อีกต่างหาก ความรู้สึก "Epic" ที่ควรจะมี เลยหายไปเกือบหมด นอกจากนี้ การออกแบบ UI และเมนูต่างๆ ก็เป็นอีกจุดที่ผมรู้สึกไม่ประทับใจ ตัวอักษรเล็ก อ่านยาก ไอคอนไม่ชัดเจน เมนูซ้อนกันหลายชั้น จนหาตัวเลือกที่ต้องการไม่เจอ หลายครั้งที่ผมต้องเสียเวลาไปกับการ "งม" หาเมนู แทนที่จะสนุกไปกับการเล่นเกม ซึ่งเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก โดยรวมแล้ว ในด้านกราฟิกและการนำเสนอ Star Ocean 6 ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แม้จะมีบางจุดที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมก็ตาม เนื้อเรื่องและตัวละคร - มหากาพย์อวกาศที่น่าติดตาม (ในบางช่วง) Star Ocean 6 พาเราเข้าสู่โลกแห่ง Sci-fi Fantasy ที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีล้ำยุค กับเวทมนตร์ และการผจญภัยในอวกาศ ได้อย่างลงตัว ตัวเกมมีตัวเอกให้เลือกเล่นสองคน คือ Raymond Lawrence กัปตันยานอวกาศหนุ่มผู้รักอิสระ และ Laeticia Aucerius เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรผู้เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ซึ่งแต่ละคนจะมีมุมมอง และเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับเรื่องราวเดียวกัน แต่ในมุมมองที่หลากหลาย ในช่วงแรกของเกม ผมรู้สึกตื่นเต้น และอินไปกับเนื้อเรื่องมาก ปริศนาการหายตัวไปของยานอวกาศ ความขัดแย้งระหว่างอาณาจักร และการปรากฏตัวของ "DUMA" อุปกรณ์ลึกลับจากต่างดาว ล้วนถูกปูทางมาอย่างน่าสนใจ ตัวละครแต่ละตัวก็มีบุคลิก และภูมิหลังที่ชัดเจน ทำให้รู้สึกผูกพัน อยากรู้จักพวกเขาให้มากขึ้น อย่างเช่น Elena นักดาบสาวผู้ซื่อสัตย์ หรือ Midas นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ แต่เมื่อเล่นไปสักพัก ผมกลับรู้สึกว่า เนื้อเรื่องเริ่มอืด ยืดเยื้อ และมีบทพูดที่ไม่จำเป็นเยอะเกินไป หลายครั้งที่ผมรู้สึกเบื่อ และอยากจะกดข้ามบทสนทนาไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เพราะจริงๆ แล้ว Star Ocean 6 มีพล็อตเรื่องที่ดี มีปมปริศนาที่น่าติดตาม แต่การดำเนินเรื่องที่ไม่กระชับ บทสนทนาที่ยืดเยื้อ ทำให้เสียอรรถรสไปพอสมควร ระบบการต่อสู้ - จุดเด่นที่ทำให้เกมนี้สนุก หากจะพูดถึงสิ่งที่ Star Ocean 6 ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด คงหนีไม่พ้นระบบการต่อสู้ ที่รวดเร็ว เร้าใจ และเต็มไปด้วยแอ็คชั่น ตัวเกมนำเสนอระบบ "DUMA" อุปกรณ์พิเศษที่ช่วยให้ตัวละครสามารถบิน พุ่ง และโจมตีศัตรูได้อย่างอิสระ เสริมมิติให้กับการต่อสู้ ไม่จำกัดอยู่แค่บนพื้นดินอีกต่อไป การเคลื่อนที่ และโจมตีในเกมนี้ ลื่นไหล เป็นธรรมชาติ และให้ความรู้สึกอิสระอย่างมาก ผมสนุกไปกับการทดลองคอมโบ และท่าไม้ตายต่างๆ ของตัวละครแต่ละตัว รวมถึงการใช้ DUMA ในการหลบหลีก และเข้าประชิดศัตรู ระบบ Blindside ที่ให้โบนัสเมื่อโจมตีศัตรูจากด้านหลัง ก็เป็นอีกหนึ่งกลไกที่เพิ่มความสนุก และความท้าทายให้กับการต่อสู้ แม้จะมีบางช่วงที่ศัตรู "รุม" เยอะเกินไป จนรู้สึกว่า "เอาเปรียบ" ผู้เล่นไปบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ผมถือว่าระบบการต่อสู้ของ Star Ocean 6 สอบผ่าน และเป็นจุดเด่นที่ช่วยชูโรงให้กับเกมนี้ได้เป็นอย่างดี เพลงประกอบ - บทเพลงแห่งดวงดาวที่ยังไม่ตราตรึง ในภาคก่อนๆ เพลงประกอบของ Star Ocean ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่แฟนๆ ชื่นชอบ Motoi Sakuraba นักประพันธ์เพลงคู่บุญของซีรีส์ ได้สร้างสรรค์บทเพลงอันไพเราะ ตราตรึงใจ ไว้มากมาย แต่สำหรับภาคนี้ ผมรู้สึกว่าเพลงประกอบยังไม่โดดเด่น และ "ติดหู" เท่าที่ควร แม้ว่า Sakuraba จะกลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง แต่เพลงประกอบส่วนใหญ่ในภาคนี้ กลับฟังดูเรียบๆ ไม่ค่อยมีพลัง ขาดความยิ่งใหญ่ และไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศของเกม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะเพลงประกอบที่ดี จะช่วยยกระดับประสบการณ์การเล่นเกม ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เหมือนกับการรับชมภาพยนตร์ ที่ขาดดนตรีประกอบ ก็คงไม่ต่างอะไรกับการดูละครใบ้ สรุป - การเดินทางสู่ดวงดาวที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ Star Ocean 6: The Divine Force เป็นเกมที่มีทั้งจุดเด่น และจุดด้อย ในตัวเอง ระบบการต่อสู้ที่รวดเร็ว เร้าใจ โลกอันกว้างใหญ่ ให้สำรวจอย่างอิสระ และเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม (ในบางช่วง) คือสิ่งที่ทำให้ผมสนุกไปกับเกมนี้ แต่กราฟิกที่ไม่สม่ำเสมอ UI ที่ใช้งานยาก การดำเนินเรื่องที่อืดอาด และเพลงประกอบที่ไม่โดดเด่น ก็เป็นปัญหาที่ทำให้ผมรู้สึกผิดหวัง เหมือนกับจรวดที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่กลับขาดเชื้อเพลิง ทำให้ไปไม่ถึงดวงดาว โดยรวมแล้ว ผมคิดว่า Star Ocean 6 เป็นเกมที่ดี แต่ยังไม่ถึงกับยอดเยี่ยม ถ้าคุณเป็นแฟน Star Ocean หรือกำลังมองหาเกม Action RPG สนุกๆ เล่น เกมนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าคุณคาดหวังว่าเกมนี้จะเป็น "Masterpiece" เหมือนกับภาคก่อนๆ คุณอาจจะต้องผิดหวัง คะแนน: 7/10 ข้อดี: ระบบการต่อสู้ที่รวดเร็ว เร้าใจ และอิสระ ด้วยระบบ DUMA ที่ช่วยให้เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ โลกอันกว้างใหญ่ ให้สำรวจอย่างเต็มที่ เต็มไปด้วยรายละเอียด และความลับที่รอคอยให้ค้นพบ เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม (ในบางช่วง) ด้วยปมปริศนา และความขัดแย้งที่น่าสนใจ ตัวละครที่มีบุคลิก และภูมิหลังที่น่าสนใจ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกผูกพัน ข้อเสีย: กราฟิกที่ไม่สม่ำเสมอ ตัวละครดูแข็งทื่อ ขัดกับฉากหลังที่สวยงาม UI ที่รก และใช้งานยาก ตัวอักษรเล็ก ไอคอนไม่ชัดเจน การดำเนินเรื่องที่อืดอาด มีบทพูดเยอะเกินไป ทำให้บางช่วงรู้สึกน่าเบื่อ เพลงประกอบไม่โดดเด่น ไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศ ขาดความยิ่งใหญ่ และความน่าจดจำ เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !